ONE-UGG-RA ยืนหนึ่ง “กองหุ้นโลก” ผลตอบแทนสูงสุด 3 ปี, 5 ปี

HoonSmart.com>>ส่องกองทุนหุ้นทั่วโลก 8 เดือนแรก เงินไหลเข้าสุทธิกว่า 5.4 หมื่นล้านบาท “ONE-UGG-RA” ปักหมุดตลาดกองทุนรวมไทย 5 ปี ยังท็อปฟอร์มสร้างผลตอบแทนเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี สูงสุด 26.90% ต่อปี ควบแชมป์ 3 ปีเฉลี่ย 28.69% ต่อปี ชูกลยุทธ์บริหารความเสี่ยงด้านค่าเงินหนุนพอร์ต “บลจ.วรรณ” ประเมินแนวโน้มลงทุนปีนี้ยังผันผวน แนะกระจายลงทุนหลายสินทรัพย์ อย่ากระจุกหุ้นไทย มองหุ้น Growth Stock กลับมาน่าสนใจ แนะ ONE-UGG-RA ติดพอร์ต

น.ส.ชญาณี จึงมานนท์ นักวิเคราะห์อาวุโส บริษัท มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช (ประเทศไทย) เปิดเผย “HoonSmart” ว่า กองทุนหุ้นทั่วโลกยังได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างต่อเนื่องสำหรับกระจายลงทุนไปยังตลาดหุ้นต่างประเทศ โดยในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2564 มีเงินไหลเข้าสุทธิ 5.4 หมื่นล้านบาท ล่าสุดเฉพาะเดือนส.ค.2564 เงินไหลเข้าสุทธิ 1.5 พันล้านบาท โดยมีผลตอบแทนเฉลี่ยสะสม 8 เดือนจากการลงทุนกองทุนหุ้นทั่วโลกอยู่ที่ 13.1% และเฉลี่ย 1.6% สำหรับเดือนส.ค.2564

ปัจจุบันกองทุนหุ้นทั่วโลกในอุตสาหกรรมมีทั้งหมดจำนวน 171 กองทุน จากข้อมูลบริษัท มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช (ประเทศไทย) พบว่า กองทุนเปิด วรรณ อัลติเมท โกลบอล โกรว์ธ (ONE-UGG) หน่วยลงทุนชนิดไม่จ่ายเงินปันผล สำหรับผู้ลงทุนทั่วไป หรือ ONE-UGG-RA บริหารจัดการโดยบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน บลจ.) วรรณ ยังคงสร้างผลตอบแทนระยะยาวอย่างโดดเด่นเป็นอันดับหนึ่งในกลุ่มและยังทำได้สูงสุดของตลาดกองทุนรวมทุกประเภทในไทย ทั้งผลตอบแทนย้อนหลัง 3 ปีและย้อนหลัง 5 ปี อยู่ที่ 28.69% ต่อปี และ 5 ปีย้อนหลังเฉลี่ยอยู่ที่ 26.90% ต่อปี ข้อมูล ณ 15 ก.ย.2564 ขณะที่ผลตอบแทน 1 ปีย้อนหลังอยู่ระดับสูงเช่นเดียวกันเฉลี่ยที่ 28.64%

กองทุน ONE-UGG-RA จัดตั้งเป็นเวลา 5 ปี สร้างผลตอบแทนโดดเด่นมาอย่างต่อเนื่องจนเป็นที่รู้จักของนักลงทุนไทย โดยกองทุนจะลงทุนในกองทุนหลัก Baillie Gifford Long Term Global Growth Fund (LTGG) ที่เน้นลงทุนหุ้นทั่วโลกที่มีศักยภาพเติบโตโดดเด่น ลงทุนหุ้นในบริษัทที่มีนวัตกรรมและการเติบโตสูงทั่วโลก พอร์ตการลงทุน ONE-UGG-RA ณ วันที่ 31 ส.ค.256 ลงทุนในกองทุน Baillie Gifford Worldwide Long Term Global Growth Fund สัดส่วน 91.14% และ Baillie Gifford Long Term Global Growth Investment Fund สัดส่วน 6.53% โดยในพอร์ตมีการลงทุนในสหรัฐฯ 54.5% จีน 19.5% เนเธอร์แลนด์ 7.0% ฝรั่งเศส 5.9% เยอรมนี 4.6%

กลุ่มหุ้นที่มีน้ำหนักลงทุนสูงสุดอยู่ใน Consumer Discretionary 36% รองลงมา Information Technology 27.5% Health Care 20.1% Communication Services 12.8% ขณะที่หุ้นในพอร์ตที่ถือลงทุนสูงสุด ได้แก่ Moderna สดส่วน 5.6% Amazon.com 5.4% Illumina 5.0% Tesla Inc. 4.6% และ Kering 4.3%

จุดน่าสนใจของ ONE-UGG-RA คือ การเติบโตอย่างโดดเด่นของหุ้นในกองทุน เป็นหุ้นที่ไม่อยู่ใน Top 10 ของตลาด โดยทางทีมงานผู้จัดการกองทุนหลักจะเติมหุ้นเติบโตใหม่ๆ เข้ามาในกองทุนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่วนใหญ่ไม่ใช่หุ้นตลาด (หุ้นที่โลกยังไม่ค่อยรู้จัก) และหุ้นเหล่านั้นมักจะเป็นตัวสร้างการเติบโตให้กับกองทุนในอนาคต เช่น Pinduoduo ,Peloton, Zoom ซึ่งเริ่มลงทุนปี 2561, 2562 , ม.ค.2563 ตามลำดับ

ขณะเดียวกันการลงทุนในต่างประเทศซึ่งมีความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน ยิ่งปี 2564 นี้ค่าเงินเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว โดยเฉพาะเงินดอลลาร์สหรัฐเทียบกับเงินบาท แข็งค่าไปกว่า +11% เดือนช่วงต้นเดือนส.ค.ผ่านมา โดยปกติกองทุน Feeder Fund ที่ลงทุนในกองทุนหลักต่างประเทศเพียงกองทุนเดียว และมีนโยบายป้องกันค่าเงินเต็มจำนวนตลอดเวลา มักจะมีผลการดำเนินงานที่น้อยกว่ากองทุนหลักเสมอ เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายและต้นทุนการป้องกันค่าเงิน

สำหรับกองทุน ONE-UGG-RA มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนแบบยืดหยุ่น ดูแลเรื่องค่าเงินให้กับนักลงทุนอย่างเหมาะสม ส่งผลให้กองทุน สร้างผลการดำเนินงานหลังหักค่าใช้จ่ายในปีนี้ +12.57% เทียบกับกองทุนหลัก +11.83% (ข้อมูลวันที่ 26 ส.ค. 2564) ถือเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มในการบริหารการลงทุนในกองทุนรวม เพื่อประโยชน์สูงสุดของนักลงทุน เป็นอีกส่วนสำคัญในการสร้างความแตกต่างให้กับบลจ.วรรณ

พจน์ หะริณสุต

นายพจน์ หะริณสุต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.วรรณ เปิดเผยว่า ภาพรวมการลงทุนในตลาดหุ้นช่วงที่เหลือของปีนี้ยังน่าสนใจมากที่สุดเมื่อเทียบกับสินทรัพย์อื่น โดยนับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ดัชนี MSCI ACWI ปรับตัวเพิ่มขึ้นประมาณ +16.1% (ข้อมูล ณ 10 ก.ย.2564) มองไปข้างหน้าเรามองตลาดหุ้นยังเป็นขาขึ้นรอบใหญ่ แต่จะมีความผันผวนเข้ามามากขึ้น 3 ประเด็นหลักๆ คือ 1. การจัดการกับไวรัสกลายพันธุ์ 2. การปรับนโยบายการเงิน 3. ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน เหล่านี้อาจกดดันตลาดหุ้นให้ปรับตัวลดลงในระยะสั้น โดยเรายังคงแนะนำการกระจายการลงทุนในสินทรัพย์ที่หลายหลายและใช้โอกาสจากความผันผวนเพื่อเข้าลงทุน

“เรามองหุ้นกลุ่มเติบโต (Growth stocks) กลับมามีความน่าสนใจ จากแนวโน้มการเติบโตรายได้และศักยภาพการแข่งขันที่อยู่ในระดับสูง โดยนักวิเคราะห์คาด EPS growth ของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีในดัชนี S&P500 ยังสามารถสร้างการเติบโตได้โดดเด่นที่สุดประมาณ 25.3% ในปีนี้และ 24.1% ในปี 2565 จึงเป็นหนึ่งในหุ้นเพียงไม่กี่ประเภทที่มีคาดว่าจะมีอัตราการเติบโตในระดับ 2 หลัก แตกต่างจากภาพเศรษฐกิจที่กลับสู่ภาวะปกติในระยะข้างหน้า เรามองว่าบริษัทที่มีพื้นฐานการเติบโตที่แข็งแกร่งจะทนทานต่อช่วงเปลี่ยนผ่านของนโยบายการเงิน รวมถึงความผันผวนในระยะสั้นได้ดีกว่ากลุ่มที่อ่อนไหวต่อภาวะเศรษฐกิจที่แนวโน้มของรายได้กำไรเริ่มอิ่มตัวในระยะข้างหน้า” นายพจน์ กล่าว

สำหรับมุมมองตลาดหุ้นไทยยังมีแนวโน้มผันผวนและมีความน่าสนใจน้อยกว่า “ตลาดหุ้นต่างประเทศ” จึงยังแนะนำกระจายการลงทุนไปยังสินทรัพย์หลากหลาย ซึ่ง ONE-UGG-RA เป็นอีกทางเลือกในการกระจายลงทุนในต่างประเทศ