HoonSmart.com>> “พริมา มารีน” มองทิศทางครึ่งหลังปี 64 ฟื้นตัว ใกล้เคียงกับไตรมาส 2 หลังธุรกิจ FSU ลดลง ส่วนธุรกิจ Offshore เรือ Crew Boat พร้อมให้บริการครบทุกลำไตรมาส 4 ด้านธุรกิจขนส่งใน-ต่างประเทศ วางแผนขยายเส้นทาง เตรียมต่อเรือเล็กเพิ่ม 5 ลำ ซื้อเรือ VLCC เพิ่ม
นายวิริทธิ์พล จุไรสินธุ์ ผู้อำนวยการสายงานการเงินและบัญชี บริษัท พริมา มารีน (PRM) เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าผลประกอบการในไตรมาส 3 และ 4 ของปี 2564 จะใกล้เคียงกับไตรมาส 2 ที่มีรายได้อยู่ที่ 1,456 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 429.2 ล้านบาท เนื่องจากแนวโน้มของกลุ่มธุรกิจเรือ FSU ลดลง ตามความต้องการที่หายไป ซึ่งปกติสร้างรายได้มากที่สุดจากทั้งหมดใน 5 กลุ่มธุรกิจ
ส่วนกลุ่มธุรกิจ Offshore Support เริ่มให้บริการลูกค้าที่ประเทศมาเลเซียแล้วในไตรมาสที่ 3 และคาดว่าจะมีเรือ Crew Boat พร้อมให้บริการครบทั้งหมด 13 ลำในไตรมาสที่ 4 สามารถรองรับคนได้ทั้งหมด 1,440 คน จากจำนวนเรือทั้งหมด ที่แบ่งออกเป็น เรือ AWB จำนวน 1 ลำ และ เรือ Crew Boat อีก 13 ลำ
สำหรับธุรกิจขนส่งในประเทศ บริษัทมีแผนที่จะเพิ่มเส้นทางใหม่ไปยังประเทศรอบข้างมากขึ้น และขยายงานบริการใหม่ที่สามารถขนส่งน้ำมันประเภทอื่นๆได้ ปัจจุบันมีกองเรือทั้งหมด 35 ลำ (5 ลำ ที่ได้มาใหม่ หลังเข้าควบรวมบริษัท ไทยออยล์มารีน ) ส่วนกลุ่มธุรกิจบริหารจัดการเรือ มีแผนที่จะขยายธุรกิจให้บริการ Ship Agent เพื่อครอบคลุมการให้บริการที่หลากหลาย
ด้านธุรกิจขนส่งระหว่างประเทศ ในอนาคตจะเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยสร้างการเติบโต หลังจากควบรวมกิจการของบริษัท ไทยออยล์มารีน ทำให้ได้เรือ VLCC เพิ่มอีก 3 ลำ ปัจจุบันเริ่มใช้แล้ว 1 ลำ ส่วนอีก 2 ลำ คาดว่าจะเข้ามาในปี 2565 แบ่งเป็นช่วงครึ่งปีแรก1 ลำ และครึ่งหลัง 1 ลำ ซึ่งมีสัญญาจ้างระยะยาว มีอัตรากำไรคงที่ มีความสามารถในการบรรทุกรวมกว่า 1,020,000 DWT นอกจากนี้บริษัทศึกษาแผนขยายเส้นทางในการขนส่งเพิ่มเติมด้วย แต่ต้องประเมินปัจจัยเสี่ยงก่อนตัดสินใจ
นายวิริทธิ์พลกล่าวว่า แผนการลงทุนในปี 2564 บริษัทมีแผนที่จะต่อเรือขนาดเล็ก ขนาดบรรทุกลำละ 3,000 ตัน จำนวน 5 ลำ แบ่งออกเป็น 3 ลำ ใช้สำหรับแทนที่เรือเดิม และต่อเรือใหม่เพิ่ม 2 ลำ ปัจจุบันติดปัญหาในการเดินทางไปอู่ต่อเรือที่ประเทศจีน ถ้าสามารถเดินทางได้ บริษัทก็จะดำเนินการตามแผนต่อไป นอกจากนี้บริษัทมีแผนจะซื้อเรือ VLCC เพิ่ม ซึ่งต้องรอดูแนวโน้มการฟื้นตัวของกลุ่มธุรกิจ FSU ก่อนการตัดสินใจ
“เราเชื่อมั่นว่าในปี 2565 เมื่อสถานการณ์คลี่คลาย และมีการเปิดประเทศ ธุรกิจของเราน่าจะมีการฟื้นตัวได้ดีขึ้น โดยเฉพาะธุรกิจขนส่งในประเทศ ตามทิศทางของการใช้น้ำมันอากาศยาน ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีกำไรดี ส่วนธุรกิจขนส่งต่างประเทศก็จะได้เรือ VLCC เพิ่มมาอีก 2 ลำ ทำให้มีผลประกอบการที่ดีขึ้น ส่วนธุรกิจ FSU แนวโน้มยังคงทรงตัว ด้านธุรกิจ Offshore มองว่าดีขึ้นแน่นอน ” นายวิริทธิ์พล กล่าว