HoonSmart.com>>กรุงศรีรุกธุรกิจในเวียดนาม เข้าซื้อกิจการ SHB Finance บริษัทให้บริการสินเชื่อเพื่อรายย่อย 10 อันดับแรกของประเทศ ตอกย้ำความมุ่งมั่น ขับเคลื่อนกลยุทธ์ เชื่อมโยงความต้องการของลูกค้าทั่วภูมิภาคอาเซียน
นายเซอิจิโระ อาคิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY)กล่าวว่า ธนาคารกรุงศรีได้ลงนามในข้อตกลงกับ Saigon-Hanoi Commercial Joint Stock Bank (“SHB”) ธนาคารพาณิชย์ร่วมทุนที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 5 ในประเทศเวียดนาม เพื่อเข้าซื้อหุ้น 100% ของ SHB Finance ซึ่งเป็นบริษัทที่ให้บริการสินเชื่อเพื่อรายย่อย 10 อันดับแรกของประเทศเวียดนาม
ภายใต้ข้อตกลงนี้ กรุงศรีจะดำเนินการรับโอนเงินทุนก่อตั้งของ SHB Finance ในอัตรา 50% ก่อนและจะรับโอนเงินทุนก่อตั้งอีก 50% ที่คงเหลือ หลังจาก 3 ปี เมื่อทั้งสองฝ่ายปฏิบัติตามเงื่อนไขและตามข้อกำหนดจากหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้อง การเข้าซื้อกิจการ SHB Finance ในครั้งนี้นับเป็นความสำเร็จครั้งสำคัญอีกก้าวหนึ่งในทิศทางเชิงกลยุทธ์ของกรุงศรีในการขยายธุรกิจสู่ระดับภูมิภาคอาเซียน (ASEAN Expansion) เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายการเป็น “สถาบันการเงินไทยที่เป็นที่หนึ่งในใจลูกค้า พร้อมเชื่อมโยงความต้องการของลูกค้าทั่วทั้งภูมิภาคอาเซียน
โดยกรุงศรีและ SHB Finance จะร่วมกันพัฒนาและส่งมอบผลิตภัณฑ์สินเชื่อเพื่อรายย่อยที่มีคุณภาพให้กับผู้บริโภคในเวียดนาม การเข้าซื้อกิจการในครั้งนี้ยังเป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นของกรุงศรีในกลยุทธ์การขยายธุรกิจสู่ระดับภูมิภาคอาเซียน ตามแผนธุรกิจระยะกลางฉบับปัจจุบัน ซึ่งครอบคลุมปี 2564-2566 ด้วย
ปัจจุบัน กรุงศรีดำเนินธุรกิจและมีเครือข่ายแข็งแกร่งครอบคลุมหลายประเทศในภูมิภาคอาเซียน ประกอบด้วย สาขาและธุรกิจสินเชื่อเพื่อรายย่อยใน สปป.ลาว ธุรกิจธนาคารพาณิชย์ในประเทศกัมพูชา ธุรกิจสินเชื่อเพื่อรายย่อยในประเทศฟิลิปปินส์ และสำนักงานตัวแทนในเมียนมา การเข้าซื้อกิจการ SHB Finance ในประเทศเวียดนามครั้งนี้จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับตำแหน่งผู้นำของกรุงศรีในการเชื่อมโยงความต้องการของลูกค้าทั่วทั้งภูมิภาคอาเซียน
นาย Do Quang Hien ประธานกรรมการของ SHB กล่าวว่า ตลาดสินเชื่อเพื่อรายย่อยในประเทศเวียดนามมีศักยภาพและมีโอกาสในการเติบโต SHB Finance เป็นธุรกิจที่มีความน่าสนใจ เหมือน “ผู้หญิงสาวสวย” ที่มีสุขภาพทางการเงินที่ดี ซึ่งหลังจากการคัดเลือกและเจรจา เราก็ได้พบกับพันธมิตรที่เหมาะสมที่จะสามารถสร้างคุณค่าร่วมกันในหลายๆ ด้าน อาทิ ประสบการณ์ในการบริหารจัดการ เทคโนโลยี การยกระดับความสามารถทางการเงิน การขยายเครือข่าย และการพัฒนาการผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ความร่วมมือระหว่างประเทศ และการยกระดับภาพลักษณ์และชื่อเสียงของ SHB ในระดับภูมิภาคและระดับโลก”