HoonSmart.com>>ธุรกิจประกันชีวิต 6 เดือนแรกของปี 64 ผลงานดีโต 3.13% แต่ทั้งปีคาดโต – 1% ถึง +1% ผลจากการระบาดของโควิดและเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ย้ำบริษัทประกันชีวิตทุกแห่งฐานะทางการเงินและเงินกองทุนที่มั่นคง พร้อมให้ความคุ้มครองตามเงื่อนไขกรมธรรม์จนครบกำหนดสัญญา
นายสาระ ล่ำซำ นายกสมาคมประกันชีวิตไทย เปิดเผยว่า 6 เดือนแรกปี 2564 ธุรกิจประกันชีวิตมีเบี้ยประกันภัยรับรวมทั้งสิ้น 294,896.57 ล้านบาท เติบโต 3.13% เมื่อเทียบกับระยะเวลาเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็นเบี้ยประกันภัยรับรายใหม่ จำนวน 83,745.52 ล้านบาท เติบโต 9.88% และเบี้ยประกันภัยรับปีต่อไปจำนวน 211,151.05 ล้านบาท เติบโต 0.68%และมีอัตราความคงอยู่ของกรมธรรม์ประกันชีวิต 81%
ส่วนผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตที่ได้รับความนิยมและมีการเติบโตสูงเป็นผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตควบการลงทุน (Universal Life และ Unit Linked) ซึ่งมีเบี้ยประกันภัยรับรวม 21,598.72 ล้านบาท เติบโตถึง 96.05% ผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตประเภทสัญญาเพิ่มเติมการประกันสุขภาพและโรคร้ายแรง (Health & CI) มีเบี้ยประกันภัยรับรวม 46,549 ล้านบาท เติบโต 7.54% และผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตแบบบำนาญที่มีเบี้ยประกันภัยรับรวม 4,243.93 ล้านบาท เติบโต 5.74%
สำหรับแนวโน้มธุรกิจประกันชีวิตไทยในครึ่งหลังของปี 2564 ภาคธุรกิจประกันชีวิตยังคงมองว่าธุรกิจจะเติบโตได้ตามที่คาดการณ์การเติบโตไว้ในระดับที่ใกล้เคียงกับเมื่อต้นปี 2564 ด้วยเบี้ยประกันภัยรับรวมอยู่ระหว่าง 590,000 – 610,000 ล้านบาท หรือเติบโต – 1% ถึง +1% เนื่องจากทิศทางของสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID – 19) ที่ยังไม่มีแนวโน้มดีขึ้น และยังสอดคล้องกับการคาดการณ์ GDP ของประเทศที่มีการขยายตัว 1.5 – 2.5% ซึ่งอยู่ในระดับฟื้นตัวช้า (ข้อมูล ณ เดือนพฤษภาคม 2564 ของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ)
ส่วนทิศทางผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตนั้น ภาคธุรกิจมองว่าผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตที่จะได้รับความนิยมและมีศักยภาพในการเติบโตสูง คือ ผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตควบการลงทุน เนื่องจากสถานการณ์อัตราดอกเบี้ยที่ยังอยู่ในระดับต่ำในปัจจุบัน ทำให้ได้รับการตอบรับจากลูกค้า รวมถึงได้รับความคุ้มครองจากการประกันชีวิตรวมอยู่ด้วย แต่อย่างไรก็ดีต้องมีการสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง เนื่องจากแบบประกันดังกล่าวมีความซับซ้อนระดับหนึ่ง
ทั้งนี้ภาคธุรกิจประกันชีวิตไทยมีความมุ่งมั่น เพื่อตอบสนองความต้องการ ตอบโจทย์ได้ทุกกลุ่มเป้าหมายและสอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน โดยได้มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตให้มีความหลากหลาย มีการพัฒนาคุณภาพการบริการหลังการขาย ตลอดจนมีการพัฒนาช่องทางการขายในรูปแบบดิจิทัลและการบริการผ่านระบบออนไลน์ มีการเสนอขายกรมธรรม์ประกันภัยผ่านระบบดิจิทัล (Digital Face to Face) และ มีการพัฒนาบุคลากรโดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวแทนและนายหน้าประกันชีวิตให้มีความรู้ความสามารถรวมถึงการบริการที่เป็นมืออาชีพ มีจรรยาบรรณและจริยธรรมในการประกอบอาชีพอย่างต่อเนื่อง
“สมาคมประกันชีวิตไทยและภาคธุรกิจประกันชีวิต มีความพร้อมและมุ่งมั่นที่จะให้ความคุ้มครองตามเงื่อนไขของกรมธรรม์ประกันภัยไปจนครบกำหนดสัญญา โดยบริษัทประกันชีวิตทุกบริษัทได้มีการบริหารจัดการความเสี่ยงอย่างรอบด้านทั้งก่อนและหลังการรับประกันภัย มีฐานะทางการเงินและเงินกองทุนที่มั่นคงเพียงพอต่อการปฏิบัติตามข้อผูกพันในกรมธรรม์ประกันภัยทุกกรมธรรม์ที่ออกให้แก่ผู้เอาประกันภัย และมีความตั้งใจเป็นอย่างยิ่งในการส่งมอบบริการที่เป็นเลิศทุกช่องทางและมุ่งพัฒนาต่อยอดคุณภาพการให้บริการโดยนำระบบเทคโนโลยี แพลตฟอร์ม และโมเดลธุรกิจแบบใหม่ๆ มาใช้ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้เอาประกันภัยในทุกสถานการณ์ได้มากขึ้น” นายกสมาคมประกันชีวิตไทย กล่าว