HoonSmart.com>> “เพรสซิเด้นท์ ออโตโมบิล อินดัสทรีส์” เผยปี 2564 โกยรายได้เข้าเป้า 800 ล้านบาท คาดไตรมาส 2 ดีต่อ ช่วงครึ่งปีหลังขยายสาขา PACO AutoHub เพิ่มอีก 100 สาขา จากเดิม 200 สาขา เตรียมเซ็นสัญญารับจ้าง OEM กับค่ายรถยนต์ คาดชัดเจนไตรมาส 3 ล่าสุดเปิดตัวแบตเตอรี่คูลเลอร์ รองรับรถไฟฟ้า บุกตลาดทั้งใน-ต่างประเทศ มีอัตรากำไรขั้นต้นไม่ต่ำกว่า 50% ออกผลิตภัณฑ์ใหม่เพิ่ม มั่นใจปี 2565 รายได้รวมแตะ 1 พันล้านบาท
นายสมชาย เลิศขจรกิตติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เพรสซิเด้นท์ ออโตโมบิล อินดัสทรีส์ (PACO) เปิดเผยว่า รายได้รวมปี 2564 คาดว่าจะอยู่ที่ 800 ล้านบาท จากปีก่อนมีรายได้อยู่ที่ 682.42 ล้านบาท ซึ่งเป็นการเติบโตของผลิตภัณฑ์เดิมและผลิตภัณฑ์ใหม่ ด้วยยอดขายทั้งในประเทศและต่างประเทศที่มีเท่ากันที่ 50%
ขณะที่แนวโน้มไตรมาส 2 คาดว่าจะเติบโตจากทั้งไตรมาสก่อนหน้า และจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ตามแผนที่ตั้งไว้ ส่วนการเติบโตในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทฯมีแผนที่จะขยายสาขา PACO AutoHub เพิ่มขึ้น เพื่อสร้างยอดขายภายในประเทศ โดยตั้งเป้าจะมีสาขารวมสิ้นปี ทั้งหมด 300 สาขา จากปัจจุบันมีอยู่ 200 สาขา
นอกจากนี้บริษัทมีแผนที่จะเพิ่มสัดส่วนรายได้จากการรับจ้างผลิต (OEM) มากขึ้น ปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้ไม่ถึง 10% ของรายได้รวม อีก 90% จะเป็นการขายจาก After Market ซึ่งบกำลังเจรจากับค่ายผู้ผลิตรถยนต์ประมาณ 2-3 ราย ในการเป็นผู้รับจ้างผลิตชิ้นส่วนแอร์รถยนต์ คาดว่าจะเริ่มเห็นความชัดเจนในช่วงไตรมาส 3
ส่วนการผลิตสินค้าเพื่อขายใน After Market ล่าสุดบริษัทฯได้เปิดตัวสินค้าใหม่ รถยานยนต์ไฟฟ้า (EV) โดยเริ่มจากผลิตภัณฑ์แบตเตอรี่คูลเลอร์ ซึ่งเป็น 1 ในชิ้นส่วนสำคัญสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าแบบ BEV และ PHEV (Plug-in Hybrid) ปัจจุบันได้จำหน่ายแล้วในประเทศบังกลาเทศ และศรีลังกา รวมถึงจะเริ่มส่งไปจำหน่ายที่สิงคโปร์ โดยในเดือน ส.ค.นี้จะเริ่มผลิตตามคำสั่งซื้อของลูกค้าที่สหรัฐ คาดว่าจะส่งได้ช่วงปลายไตรมาส 3 หรือต้นไตรมาส 4 นี้ ส่วนในประเทศก็เริ่มกระจายข่าวเพื่อทำการตลาดแล้ว สินค้าดังกล่าวมีอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ไม่ต่ำกว่า 50% ซึ่งบริษัทเป็นรายแรกในโลกที่เริ่มทำ แบตเตอรี่คูลเลอร์ สำหรับ EV Car โดยมีความแข็งแกร่งที่ราคาถูกกว่า และคุณเทียบเท่าของศูนย์รถยนต์
ขณะเดียวกันบริษัทมีแผนที่จะรุกเข้าสู่ธุรกิจชิ้นส่วนยานยนต์ทั้งหมดที่สามารถผลิตได้ โดยในไตรมาส 3 นี้ เตรียมเปิดตัวขอบยางต่างๆ ที่ใช้สำหรับช่วงหน้าของรถยนต์ และในไตรมาส 4 หรือ ต้นไตรมาส 1 ปี 2565 เตรียมเปิดตัวไดชาร์จ, ไดสตาร์ท,โช๊คอัพ และเบรค เพื่อสร้างยอดขายให้เติบโตเพิ่มมากขึ้น
“เราเชื่อมั่นว่าปีนี้เราสามารถเติบโตได้ตามแผนที่วางไว้ ด้วยการขยายสินค้า ขยายธุรกิจ ขยายฐานลูกค้า ให้เพิ่มมากยิ่งขึ้น ตามกลยุทธ์ พื่อสร้างการเติบโตอย่างแข็งแกร่งในอนาคต โดยในไตรมาส 3 จะเริ่มแผนเร่งกำลังการผลิตขึ้น ในจำนวนเครื่องจักรที่เท่าเดิม โดยการเพิ่มจำนวนการทำงานขึ้น จากเดิม 10 ชั่วโมงต่อวัน เป็น 20 ชั่วโมงต่อวัน เพื่อรองรับคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้น ปัจจุบันสินค้ามีคำสั่งซื้อล่วงหน้าไปถึงเดือน ต.ค.นี้แล้ว ส่วนผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ออกในปีนี้ คาดว่าจะไม่สัดส่วนยอดขายที่น้อยกว่า 1% และในปีหน้าจะเพิ่มขึ้นแน่นอน” นายสมชาย กล่าว
นอกจากนี้ในปี 2565 บริษัทคาดว่ารายได้จะเติบโตที่ 1,000 ล้านบาท หรือเติบโตจากปี 2564 ประมาณ 25% จากการทยอยเปิดตัวผลิตภัณฑ์ในปีนี้ คาดว่าจะเป็นตัวเสริมยอดขายให้มีการเติบโตที่ดีขึ้น อีกทั้งบริษัทมีแผนจะขยายสาขา PACO AutoHub เพิ่มขึ้น 200 สาขา รวมสิ้นปี 2565 คาดว่าจะมีอยู่ประมาณ 500 สาขา