“ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์”เปิดกำไรสุทธิ 295 ล้านบาท กำไรปกติ 611 ล้านบาท ไตรมาส 2 ขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน 315 ล้านบาท ครึ่งปีหลังลงทุนคืบหน้าตามแผน พร้อมจำหน่ายก๊าซธรรมชาติให้ลูกค้าในอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อีสเทิร์นซีบอร์ด 2 ได้ไตรมาส 4 มีงานรอลงทุนอีกมากในปี 2562
บริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ (WHAUP) เผยผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2561 มีกำไรสุทธิ 295 ล้านบาท ลดลงจำนวน 405 ล้านบาทคิดเป็นประมาณ 57% จากที่มีกำไรสุทธิ 700 ล้านบาทในช่วงเดียวกันปีก่อน และรวม 6 เดือนปีนี้กำไรสุทธิ 1,012 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39 ล้านบาท คิดเป็นประมาณ 4% จากระยะเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 973 ล้านบาท
ทั้งนี้ ในไตรมาส 2/2561 WHAUP มีกำไรจากการดำเนินงานปกติ จำนวน 611.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.5% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อน รวมครึ่งปีแรกจำนวน 1,076.8 ล้านบาท เติบโต 69.7%
นายวิเศษ จูงวัฒนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ เปิดเผยว่า ในไตรมาส 2/2561 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและการให้บริการ (ธุรกิจน้ำ) จำนวน 423.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.4% เมื่อเทียบจากปีก่อน และส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุน (ธุรกิจพลังงาน) จำนวน 246.8 ล้านบาท ลดลง 64.0% เมื่อเทียบจากปีก่อน โดยมีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 315.3 ล้านบาท พลิกจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 98.9 ล้านบาท
ส่วนผลงาน 6 เดือนปีนี้ บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและการให้บริการ (ธุรกิจน้ำ) จำนวน 845.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.5% และส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุน (ธุรกิจพลังงาน) จำนวน 906.1 ล้านบาท ลดลง 3.3% มีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 64.7 ล้านบาท ในขณะที่ในช่วงเดียวกันของปีที่แล้วมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 338.9 ล้านบาท
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวว่า รายได้ธุรกิจน้ำเพิ่มขึ้นมาจากความต้องการใช้น้ำที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากการขยายตัวของลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรมทั้งรายเดิม และรายใหม่ที่เพิ่มสูงขึ้น รวมทั้งการใช้น้ำของโรงไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น
ทางด้านธุรกิจพลังงาน บริษัทฯ มีโรงไฟฟ้า SPP ที่เริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ เต็มไตรมาสทั้ง 5 โครงการ ส่งผลให้กำลังการผลิตติดตั้งรวมของโรงไฟฟ้าตามสัดส่วนการถือหุ้นของบริษัทฯอยู่ที่ 510.5 เมกะวัตต์ อีกทั้งโรงไฟฟ้าเก็คโค่-วัน มีจำนวนวันในการพร้อมจ่ายไฟฟ้ามากกว่าเมื่อเทียบกับปีก่อนที่มีการปิดปรับปรุงซ่อมบำรุงตามแผน
ขณะเดียวกัน ต้นทุนทางการเงินลดลง เนื่องจากมีการชำระคืนเงินกู้สถาบันทางการเงินก่อนกำหนดจำนวน 2,500 ล้านบาท โดยการเสนอขายหุ้นไอพีโอเมื่อเดือนเม.ย.2560 และออกหุ้นกู้ในเดือนส.ค. 2560 จำนวน 4,000 ล้านบาท เพื่อรีไฟแนนซ์หนี้เงินกู้จากสถาบันทางการเงิน โดย ณ สิ้นเดือนมิ.ย. 2561 บริษัทฯ มีอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อส่วนของเจ้าของ 0.70 เท่า
สำหรับแผนงานในช่วงครึ่งปีหลัง นายวิเศษกล่าวว่า บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าขยายการลงทุนตามแผนงานที่วางไว้ โครงการ ดับบลิวเอชเอ อีสเทิร์น ซีบอร์ด เอ็นจีดี 2 คาดว่าพร้อมจำหน่ายก๊าซธรรมชาติให้ลูกค้าในอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อีสเทิร์นซีบอร์ด 2 ได้ภายในไตรมาส 4/2561 ส่วนการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อีสเทิร์นซีบอร์ด 4 คาดว่าจะแล้วเสร็จพร้อมดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ภายในปี 2562
ส่วนการลงทุนในต่างประเทศ โดยเฉพาะโครงการสาธารณูปโภคในประเทศเวียดนาม ซึ่งบริษัทฯได้สิทธิในการดำเนินธุรกิจสาธารณูปโภคด้านน้ำ ในเขตอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ เหงะอาน ที่ประเทศเวียดนาม ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพัฒนาโครงการคาดว่าจะดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์ในปี 2562 เช่นเดียวกับโครงการ Solar Rooftop ทั้งในและนอกนิคมอุตสาหกรรมของดับบลิวเอชเอซึ่งมีลูกค้าให้ความสนใจเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง