HoonSmart.com>>EA จรดปากกาเซ็น MOU กับ CRCCSA ลุยพัฒนารถไฟ Hybrid Battery หวังยกระดับการเดินทางทางรางของไทย ปูทางสู่การสร้างโรงงานประกอบหัวรถจักร ตลอดจนศูนย์ซ่อมบำรุงและซ่อมแซมรถไฟความเร็วสูง เพิ่มการจ้างงานในประเทศ
ในวันที่ 2 กรกฎาคม 2564 ที่ผ่านมา ได้มีการจัดงานพิธีลงนามความร่วมมือในการพัฒนารถไฟ Hybrid Battery โดยมี กงสุลใหญ่สาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) Mr.Luo Wen Managing Director – China Railway Construction (Southeast Asia) Co.,Ltd (CRCCSA) และบริษัท พลังงานบริสุทธิ์ (EA) ร่วมในพิธีลงนาม
Mr.Luo Wen, Managing Director CRCCSA เปิดเผยว่าบริษัทมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะร่วมพัฒนาอุตสาหกรรมการรถไฟของไทย พร้อมทั้งบูรณาการห่วงโซ่อุตสาหกรรมของจีนและไทยให้ก้าวหน้าและแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น ผ่านการพัฒนารถไฟ Hybrid Battery ในประเทศไทย ร่วมกับบริษัท พลังงานบริสุทธิ์ ผู้นำด้านเทคโนโลยีพลังงานของประเทศไทย และเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่า ภายใต้การดูแลและคำแนะนำของกงสุลใหญ่สาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทยและการรถไฟแห่งประเทศไทย ความร่วมมือระหว่าง CRCCSA และEA จะประสบความสำเร็จแห่งความสำเร็จในไม่ช้าอย่างแน่นอน
นายสมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ (EA) เปิดเผยว่า รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้รับเกียรติจาก พณฯท่านกงสุลใหญ่สาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย ให้เกียรติเป็นสักขีพยาน โดย CRCCSA เป็นบริษัทในกลุ่ม China Railway Construction Corporation Limited ถือเป็นบริษัทฯที่มีความเชี่ยวชาญในด้านวิศวกรรมเกี่ยวกับงานการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน ยังเป็นหนึ่งในบริษัทผู้รับเหมาด้านวิศวกรรมรายใหญ่ที่สุดในประเทศจีน มีเครือข่ายทั่วโลกมากกว่า 130 ประเทศ ให้เกียรติมาพัฒนาและวิจัยร่วมกับ บริษัทฯ ซึ่งเป็นผู้นำทางด้าน Green Energy รายใหญ่ของประเทศไทย
“นับเป็นโอกาสที่สำคัญที่สุดครั้งหนึ่งของ EA ที่จะได้เป็นส่วนหนึ่งของการร่วมศึกษาวิจัยและพัฒนาความเป็นไปได้ทางธุรกิจ ในการพัฒนารถไฟ Hybrid Battery ที่ทันสมัยยกระดับการเดินทางทางรางให้เทียบเท่านานาประเทศ คาดว่าเมื่อโครงการนี้สำเร็จจะเป็นจุดเริ่มต้นครั้งยิ่งใหญ่สู่การสร้างโรงงานประกอบหัวรถจักร และขนส่งมวลชนไฮบริดแบตเตอรี่ ตลอดจนศูนย์ซ่อมบำรุง และซ่อมแซมรถไฟความเร็วสูง ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการใช้ทรัพยากรภายในประเทศ ส่งเสริมให้เกิดการลงทุนด้านการใช้ทรัพยากรภายในประเทศ และลดการพึ่งพาหรือนำเข้าจากต่างประเทศ เกิดการลงทุนเป็นจำนวนเงินมหาศาล และเกิดการจ้างงานเป็นจำนวนมาก ซึ่งส่งผลดีต่อสภาพเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว และยังสะท้อนความมุ่งมั่นของประเทศไทยที่จะผลักดันการใช้พลังงานสะอาดในมีสัดส่วนที่เพิ่มมากขึ้น เพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งเป็นไปตามตามกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ความตกลงปารีส”นายสมโภชน์ กล่าว