HoonSmart.com>>นักวิเคราะห์เชียร์”หุ้นโรงพยาบาล” ผลประกอบการปีนี้โตเท่าตัว อานิสงส์วิกฤตโควิด เตียงรับผู้ป่วยไม่เพียงพอ , การตรวจหาเชื้อโควิด และวัคซีนทางเลือก หนุนกำไร ส่วนหุ้นเฮลท์ เทค WINMED ขึ้นแรงด้วย
ด้านการประชุมสมาคมโรงพยาบาลเอกชน วันนี้ ( 28 มิ.ย.) เคาะราคากลาง 1,700 บาท/เข็ม ยอดความต้องการวัคซีน Moderna ร่วม 7 ล้านโดส เกินจำนวนที่จะมาล็อตแรก 5 ล้านโดส
นพ.อำนาจ เอื้ออารีมิตร กรรมการและผู้อำนวยการ โรงพยาบาลเอกชัย (EKH) กล่าวว่า โรงพยาบาล อยู่ระหว่างการเพิ่มเตียงคนไข้ อีก 10 เตียง รองรับผู้ป่วยโควิด ซึ่งขณะนี้ปริมาณเตียงจำนวน 146 เตียง ซึ่งเป็นห้องเดี่ยวทั้งหมด รองรับผู้ป่วยหมดแล้ว โดยมีคนไข้ในทั้งหมดประมาณ 280 คน บางครอบครัวมากันหลายคน จะอยู่ห้องเดียวกัน หรือพนักงานบริษัท โรงงาน มาด้วยกัน ก็จะอยู่ห้องเดียวกัน
สำหรับผู้ป่วยหนัก ที่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ จะมีอยู่ที่เตียง เพราะห้องไอซียู ที่มี 10 เตียง ใช้รองรับผู้ป่วยทั่วไป ที่เข้ามารับการรักษา
” ผลประกอบการของกลุ่มโรงพยาบาลทั้งหมดปีนี้ เติบโตดี จากสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด ซึ่งรพ.ไม่ต้องการเงินจากวิกฤตนี้ และรู้สึกเห็นใจผู้ป่วย ที่หาเตียง หาโรงพยาบาล รพ.เอกชัย พยายามเพิ่มเตียง กำลังจะซ่อมบำรุง อาคาร ต้องชะลอก่อน นำมาปรับปรุงเพิ่มเตียง เพิ่มห้อง รองรับผู้ป่วยแทน ” นพ. อำนาจ กล่าว
นายชัยสิทธิ์ วิริยะเมตตากุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท โรงพยาบาลวิภาวดี (VIBHA) เปิดเผยว่า บริษัทฯ คาดว่าแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/2564 จะเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาส 1 ที่มีรายได้ 1,679.43 ล้านบาท และเติบโตเทียบช่วงเดียวกันปีก่อน
เนื่องจากปัจจุบันโรงพยาบาลวิภาวดี มีอัตราการเข้าพักรักษา (Occupancy Rate) อยู่ในระดับที่มากกว่า 90% และมียอดผู้เข้าตรวจเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้นค่อนข้างมาก จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่รุนแรงในปัจจุบัน นอกจากนี้ยังรับรู้ส่วนแบ่งกำไรบริษัทร่วมที่เริ่มมีกำไรแล้ว
ส่วนแนวโน้มในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 คาดว่าจะมีผลประกอบการที่เติบโตกว่าช่วงครึ่งแรก โดยบริษัทฯ ขยายพื้นที่ห้องผู้ป่วยฉุกเฉิน (ICU) เพิ่มมากขึ้น และมีอัตราค่ารักษาที่สูงกว่าปกติ ทำให้ความสามารถในการทำกำไรของบริษัทดีขึ้น และในช่วงไตรมาส 4/2564 จะเป็นช่วงที่เริ่มทะยอยฉีดวัคซีนทางเลือก Moderna ซึ่งจะทำให้บริษัทรับรู้รายได้จากค่าบริการเพิ่มขึ้น ปัจจุบันมียอดจองวัคซีนทางเลือกแล้ว ประมาณ 100,000 กว่าโดส คิดเป็นมูลค่ากว่า 100 ล้านบาท
“ผมยังเชื่อมั่นว่า ปี 2564 เป็นปีที่ดีของเรา มีการเติบโตที่ดีกว่าปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 6,338.25 ล้านบาท จากแผนการดำเนินงานของเรา ขยายพื้นที่รองรับผู้ป่วยเพิ่มขึ้น และจากปริมาณการเข้ามาตรวจเชื้อเพิ่มขึ้น รวมถึงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ เราเริ่มฉีดวัควีนทางเลือก เป้าหมายของรพ. เชื่อว่ายอดจองน่าจะทะลุ 2 แสนโดส รวมถึงอีกหนึ่งการเติบโตคือ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ภูมิคุ้มกัน ที่จะเข้ามาช่วยคุ้มกันหลังจากการฉีดวัคซีนแล้วเสร็จด้วย ผมขอยืนยันว่า ผมไม่ขายหุ้นออกแน่นอน จากปัจจุบันที่ถือหุ้นอยู่ 14.90% ของจำนวนหุ้น VIBHA ทั้งหมด” นาย ชัยสิทธิ์ กล่าว
ด้านนายกรภัทร วรเชษฐ์ นักกลยุทธ์ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน กล่าวว่า หุ้นในกลุ่มโรงพยาบาลเป็นกลุ่มหุ้นที่ปลอดภัย (Defensive Stock) เนื่องจาก ปัจจุบันตลาดหุ้นมีความผันผวน จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งกลุ่มดังกล่าว ได้รับปัจจัยลบไปเกือบหมดแล้ว อีกทั้งจะมีการเติบโตจากประชาชนที่เข้าตรวจเชื้อโควิด-19 ปัจจัยบวกจากจำนวนผู้ป่วยติดเตียง ที่มีปริมาณเพิ่มขึ้นด้วย ทำให้อัตราการพักรักษาค่อนข้างจะใกล้เต็ม
ขณะที่แนวโน้มผลประกอบการของกลุ่มดังกล่าว คาดว่าในไตรมาส 2/2564 จะมีกำไรที่เติบโตขึ้น ทั้งจากไตรมาสก่อนหน้า และจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว เนื่องจากมีรายได้จากากรตรวจเชื้อโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นสูงมาก ส่วนครึ่งหลังของปี 2564 คาดว่าจะเติบโตขึ้นอีกเมื่อเทียบกับช่วงต้นปี เนื่องจากเริ่มมีวัคซีนทางเลือกเข้ามา ทำให้ผลประกอบการปรับตัวดีขึ้น และจำนวนผู้ป่วยติดเตียงที่คาดว่าจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
“ทั้งนี้จากราคาหุ้นของกลุ่มโรงพยาบาลปรับตัวขึ้นมาค่อนข้างสูง กลยุทธ์การลงทุนแนะนำหุ้นซื้อหุ้นที่ราคายังปรับตัวขึ้นช้ากว่าตลาด (Laggard) แนะนำ BDMS เนื่องจากเป็นหุ้นขนาดใหญ่ และมีสาขาค่อนข้างมาก ซึ่งคาดว่าจากแนวโน้มผู้ติดเชื้อที่มีโอกาสปรับตัวขึ้น มองว่าจะเป็นปัจจัยหนุนต่อหุ้นนี้ ส่วนหุ้นที่แนะนำเก็งกำไร ได้แก่ CHG , THG และEKH” นายกรภัทร กล่าว
นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า ราคาหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลปรับตัวดีขึ้น ตอบรับปัจจัยการตรวจเชื้อโควิด-19 และการเข้าพักรักษาที่มีอัตราการเข้าเพิ่มขึ้น รวมถึงแผนการเพิ่มปริมาณรำเข้าวัคซีนทางเลือกที่อาจจะเพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งมอว่าผลประกอบการกลุ่มนี้จะเติบโตได้ดีขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่ไตรมาส 2 เป็นต้นไป กลยุทธ์แนะนำหุ้นที่ราคายังปรับตัวขึ้นช้ากว่าตลาด (Laggard) แนะนำ BDMS และIMH
นายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ช่วงที่ตลาดหุ้นยังมีความผันผวนสูง มาตรการล็อกดาวน์ของภาครัฐ จากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้กลยุทธ์การลงทุนในช่วงนี้ แนะนำกลุ่มโรงพยาบาล ที่อยู่ในอุตสาหกรรมที่ปลอดภัย (Defensive) ซึ่งมีจุดเด่นจากผลประกอบการไตรมาส 2/2564 ที่มีแนวโน้มเติบโต ทั้งจากช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) และเติบโตจากไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) โดยแนะนำหุ้น BDMS ราคาเป้าหมาย 29 บาท และ EKH เป้าหมาย 8.40 บาท
ด้านราคาหุ้นรพ.หลายตัว มีการซื้อขายคึกคัก อาทิเช่น BDMS ปิด 23.10 บาท ลดลง 0.60 บาท มูลค่าซื้อขาย 2,637.18 ล้านบาท , CHG ปิด 3.82 บาท เพิ่มขึ้น 0.08 บาท มูลค่าซื้อขาย 1,642.46 ล้านบาท
BCH ปิด 22.70 บาท เพิ่มขึ้น 0.90 บาท มูลค่าซื้อขาย 1,619.23 ล้านบาท และ VIBHA ปิด 2.34 บาท ลดลง 0.08 บาท มูลค่าซื้อขาย 348.25 ล้านบาท
นอกจากนี้หุ้น เฮลท์ เทค บริษัท วินเนอร์ยี่ เมดิคอล (WINMED) ก็ปรับตัวขึ้นแรงปิดที่ 6.70 บาท บวก 0.50 บาท หรือ 8.06% เพราะคาดว่าผลประกอบการจะเติบโตสูง จากก่อนหน้านี้ลูกค้าชะลอคำสั่งซื้อผลิตภัณฑ์ตรวจโลหิต