โดย…สุนันท์ ศรีจันทรา
แม้ผู้บริหารบริษัท ดีเอ็นเอ 2002 จำกัด (มหาชน) หรือ DNA จะออกมาแถลงด่วน ปฏิเสธความเกี่ยวพันการลงทุนในเงินสกุลดิจิตัล ดราก้อน คอยน์ แต่สายเกินไป เพราะนักลงทุนที่ตื่นตระหนกจากข่าวฉาวโฉ่ ได้พากันทุบขายหุ้น จนราคารูดลงสนิทติดฟลอร์ 30%
DNA เป็นหุ้นที่ถูกนายปริญญา จารวิจิต อดีตกรรมการและผู้ถือหุ้นใหญ่บริษัท นำไปชักชวนให้นักลงทุนชาวฟินแลนด์เข้ามาลงทุน ก่อนที่จะผันเงินไปสู่พวกพ้อง และนำไปสู่การดำเนินคดีการฟอกเงิน
ข่าวครึมโครมการหลอกต้มนักลงทุนต่างชาตินำเงินมาฟอก โดยมีชื่อของ DNA เข้าไปเกี่ยวโยง นักลงทุนย่อมประเมินได้ว่า หุ้น DNA จะต้องถูกกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่พ้น จึงชิงเทขายหุ้นกันฝุ่นตลบ ทำให้สถานการณ์หุ้นพลิกผันเพียงช่วงข้ามวัน
เพราะก่อนที่จะมีข่าวฉาวโฉ่ หุ้น DNA กำลังร้อนแรง โดยเพียง 4 วันทำการ ราคาขยับขึ้นมา 100% ท่ามกลางมูลค่าการซื้อขายที่หนาตาผิดปกติ และลากเอาลูกหรือ DNA-W1 พุ่งทะยานขึ้น 100% ตามมาด้วย ทั้งที่ไม่มีข่าวดีสนับสนุน
ไม่รู้ว่า ใครจุดพลุลากDNA และเกี่ยวพันการคดีตุ๋นนักลงทุนฟินแลนด์หรือไม่ แต่การลากหุ้นขึ้น10%ภายในเวลา 4วันทำการ ไม่ใช่ความเคลื่อนไหวที่ปกติแน่
เพียงแต่ไม่รู้ว่า นักลงทุนกลุ่มใดอยู่เบื้องหลังการลากนักลงทุนรายย่อยไปเชือดเท่านั้น
ราคาหุ้น DNA เคยเคลื่อนไหวในระดับ 30 สตางค์เศษถึง 40 สตางค์เศษอยู่พักใหญ่ มูลค่าการซื้อขายแต่ละวันเงียบเหงาระดับ 1 ล้านบาทหรือไม่กี่ล้านบาท เนื่องจากเป็นหุ้นที่นักลงทุนไม่ให้ความสนใจ ปัจจัยพื้นฐานไม่โดดเด่น ผลประกอบการขาดทุนหนักหลายปีติดต่อ
แต่ต้นเดือนสิงหาคม หุ้นเริ่มมีความคึกคัก มีแรงซื้อไหลบ่าเข้ามา จนทำให้ราคาหุ้นพุ่งทะยาน 4 วันติด และทำท่าจะวิ่งต่อ เพราะการซื้อขายหุ้นในภาคเช้าวันที่ 9 สิงหาคม ยังถูกลากขึ้นไปอยู่ โดยขึ้นไปสูงสุดที่ 88 สตางค์
เมื่อมีข่าวกองปราบปรามบุกจับตัวนายจิรัชพิสิษฐ์ จารวิจิต หรือนายบูม นักแสดง น้องชายนายปริญญา จึงถูกระหน่ำขายทันที ราคาหุ้นร่วงลง ก่อนปิดที่ 71 สตางค์
เช้าวันที่10สิงหาคม ทันทีที่เปิดการซื้อขาย DNA ถูกถล่มขาย ราคารูดลงแรง และปิดการซื้อขายที่ 50 สตางค์ ลดลง 21 สตางค์ ซึ่งเป็นราคาต่ำสุดติดฟื้น 30%
นักลงทุนที่แห่เข้าไปเก็งกำไร DNA และขายออกไม่ทัน ต้องบาดเจ็บสาหัส ขาดทุนหุ้นกันอ่วม
หุ้น DNA พุ่งทะยานจาก 38 สตางค์ เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม และการซื้อขาย 4 วันทำการ ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง จนวันที่ 7 สิงหาคม ปิดที่ 76 สตาค์ เพิ่มขึ้นรวม 100% แต่เมื่อมีข่าวร้าย อดีตกรรมการและผู้ถือหุ้นใหญ่ร่วมขบวนการฟอกเงิน ราคาหุ้นจึงหล่นตุบเหลือ 50 สตางค์
ปัญหาคือ หุ้น DNA ซึมซับรับข่าวร้ายหมดสิ้นหรือยัง เพราะถ้ายังรับข่าวร้ายไม่หมด แนวโน้มจะทรุดต่อ และประเมินไม่ได้ว่า จะลงไปถึงจุดไหน เพราะโดยทางปัจจัยพื้นฐานไม่มีจุดที่สร้างแรงจูงใจ
และแม้ผู้บริหารจะออกมาปฏิเสธความเกี่ยวพันกับขบวนการต้มตุ๋นนักลงทุนชาวฟินแลนด์ ไม่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน แต่อดีตกรรมการและผู้ถือหุ้นใหญ่เป็นตัวการใหญ่ในการวางแผนต้มตุ๋น โดยต้มตุ๋นระหว่างที่ปรากฏชื่อเป็นกรรมการและผู้ถือหุ้นใหญ่ DNA ด้วย
ความพยายามของฝ่ายบริหาร DNA ในการระงับผลกระทบการของบริษัท จากคดีหลอกต้มเงินนักลงทุนจากฟินแลนด์ อาจไร้ผล เพราะตอนนี้นักลงทุนตั้งหน้าหนีตายออกจากหุ้น DNA
เพราะข่าวดีไม่มีให้เล่น มีแต่ข่าวร้ายแต่ที่ทำความเชื่อถือของบริษัทฯ ซึ่งจะทำให้ราคาหุ้นทรุดตัวลงต่อเนื่องได้
ความเกี่ยวพันของนายปริญญากับ DNA เพิ่งสิ้นสุดหลังจากที่โยนหุ้นสัดส่วน 8.05% ของทุนจดทะเบียนให้นายธรรมนัส พรหมเผ่า หรือผู้กองธรรมนัส ผู้กว้างขวางในธุรกิจหลายด้าน เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2561 ก่อนจะลาออกจากกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
ปัจจุบันนายธรรมนัสยังถือหุ้น DNA อยู่ 8.05%
การเรียกความเชื่อมั่นนักลงทุนกลับมาในหุ้น DNA ไม่ใช่งานง่าย เพราะหุ้นตัวนี้มีธุรกรรมที่ถูกเฝ้าจับตามานาน เช่นการตั้งบริษัทลูกหรือทุ่มเงินลงทุนในบริษัทลูก การออกวอร์แร้นท์กระตุ้นราคาหุ้น โดยกำหนดสิทธิจองซื้อหุ้นสามัญในสัดส่วน 1 วอร์แร้นต์ต่อ 5 หุ้น กำหนดราคาแปลงสภาพเพียง10สตางค์ และพฤติกรรมการลากราคาหุ้น
ปัญหาเฉพาะหน้าของ DNA คือ ราคาหุ้นซึมซับรับข่าวร้ายหมดหรือยัง ถ้ายังหุ้นตัวนี้มีโอกาสกลับบ้านเก่า ได้เห็นจุดต่ำสุดใหม่ในรอบนี้แหละ
ติดตามข่าว หุ้นเด่น ประเด็นร้อน #HoonSmart #หุ้นสมาร์ท ได้ที่
Facebook : www.facebook.com/HoonSmart
Line : https://line.me/R/ti/p/%40hoonsmart.com