HoonSmart.com>>”การบินไทย”เผยศาลล้มละลายกลางเห็นชอบแผนฟื้นฟูกิจการและคณะผู้บริหารแผน ลั่นบริษัทต้องการเงินทุนใหม่ 5 หมื่นล้านบาท ยอมรับสภาพคล่องไม่เพียงพอถึงสิ้นปีนี้ เร่งหาเงินกู้ 2.5 หมื่นล้านบาท เตรียมลดฝูงบินเหลือ 60 ลำ คาดกลับมาเปิดบินอีกครั้งไตรมาส 3-4 นี้
นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร รักษาการแทนประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท การบินไทย (THAI) เปิดเผยว่า วันที่ 15 มิ.ย. 2564 ศาลล้มละลายกลางเห็นชอบแผนฟื้นฟูกิจการของบริษัท การบินไทย (THAI) พร้อมตั้งผู้บริหารแผน 5 คน คือ นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์, นายพรชัย ฐีระเวช, นายศิริ จิระพงษ์พันธ์, นายไกรสร บารมีอวยชัย และนายชาญศิลป์ ซึ่งเป็นไปตามแผนฟื้นฟูกิจการที่บริษัทยื่นเสนอต่อศาลฯ
” ตามกฎหมายบริษัทจะออกจากแผนฟื้นฟูฯ ภายใน 5 ปี และสามารถต่ออายุครั้งละ 1 ปีได้ 2 ครั้ง รวมเป็น 7 ปี โดยระบุว่าบริษัทต้องมีกำไรก่อนหักภาษี ดอกเบี้ย ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ก่อนออกจากแผนฟื้นฟูฯ 2 ปีสุดท้ายเฉลี่ยปีละ 20,000 ล้านบาท ซึ่งบริษัทจะพยามยามออกจากแผนฟื้นฟูฯ ภายใน 5 ปีหรือเร็วที่สุด นอกจากนี้บริษัทฯต้องการเงินทุนใหม่จำนวน 5 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะทยอยเข้ามาในช่วง 1-3 ปีนี้ “นายชาญศิลป์ กล่าว
ด้านนายชาย เอี่ยมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่สายการเงินและการบัญชี บริษัทการบินไทย (THAI) เปิดเผยว่า บริษัทยอมรับว่ากระแสเงินสดมีไม่เพียงพอที่จะทำธุรกิจได้ถึงปลายปี 2564 จึงต้องเร่งจัดหาเม็ดเงินใหม่ กำลังเจรจาสถาบันการเงินทั้งเอกชนและรัฐ จำนวน 2.5 หมื่นล้านบาทที่จะเข้ามาเป็นเงินทุนหมุนเวียน และจ่ายชดเชยพนักงานที่เข้าโครงการเกษียณจากงานก่อนกำหนด
บริษัทเตรียมสินทรัพย์เพื่อค้ำประกันสินเชื่อ ได้แก่ อาคารสำนักงานใหญ่ที่ถนนวิภาวดีรังสิต มูลค่าประมาณ 1 หมื่นล้านบาท และยังมึสำนักงานขายตั๋วโดยสารที่สีลม, หลานหลวง และ ดอนเมือง นอกจากนี้ยังมีสำนักงานขายในต่างประเทศ โดยบริษัทจะพิจารณาขายไปในบางประเทศที่จะไม่ทำการบิน และยังมีสินทรัพย์รอขายอื่นๆ
นอกจากนี้บริษัทได้เจรจาปรับสัญญาเช่าเครื่องบินกับผู้ให้เช่า โดยจะปรับลดเครื่องบินลงเหลือ 60 ลำ ส่วนใหญ่เป็นเครื่องบินให้เช่าตามสัญญาเช่าจำนวน 54 ลำ และอีก 6 ลำการบินไทยเป็นเจ้าของเอง จากเดิมที่เคยมีจำนวน 102 ลำ (ณ เดือน มี.ค.2563) แต่จะมีการจัดหาเครื่องบินเพิ่มตามภาวะธุรกิจการบินเป็น 80-90 ลำในปี 2568
นายนนท์ กลินทะ ประธานเจ้าหน้าที่สายการพาณิชย์กลยุทธ์การหารายได้ THAI กล่าวว่า นับตั้งแต่ไตรมาส 3 นี้เป็นต้นไป การบินไทยจะเพิ่มเที่ยวเชิงพาณิชย์มากขึ้นรับนโยบายรัฐบาลเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติตามโมเดล “ภูเก็ตแชนด์บ็อกซ์” โดยโฟกัสเส้นทางในภูมิภาคยุโรปเป็นหลัก อาทิ แฟงก์เฟิร์ต, โคเปนเฮเก้น, ชูริก, ลอนดอน ปารีส จากนั้นจะทยอยเพิ่มขึ้นในช่วงไตรมาส 4 ต่อไป เช่น สิงคโปร์, ฮ่องกง, โชล, และอีกหลายเมืองในจีน นิวเดลี บอมเบย์เป็นต้น
“บริษัทคาดว่าจะสามารถกลับมาทำการบินในช่วงไตรมาส 3 ได้ประมาณ 30-35% เมื่อเทียบกับปี 2562 และจะเพิ่มเป็นประมาณ 40% ในไตรมาส 2/65 จากนั้นน่าจะเพิ่มเป็นประมาณ 85% ในประมาณปี 2568 โดยคาดว่าอัตราส่วนบรรทุกผู้โดยสาร (Cabin Factor) ในช่วงเริ่มต้นจะอยู่ที่ประมาณ 60-70% ส่วนยอดจองภูเก็ต-แฟรงเฟิร์ต มียอดจองค่อนข้างดีในเดือนก.ค. มีผู้โดยสารหลักพันแล้ว”นายนนท์ กล่าว
ที่ผ่านมาการบินไทยให้บริการเที่ยวบินขนส่งสินค้า หรือคาร์โก้ และเที่ยวบินกึ่งพาณิชย์เป็นหลัก โดยมีเที่ยวบินพิเศษรับคนไทยกลับบ้านและเที่ยวบินขนส่งสินค้า ระหว่างเดือนเม.ย.ถึงเดือนธ.ค. 2563 จำนวน 2,042 เที่ยวบิน และตั้งแต่เดือนม.ค.-พ.ค. 2564 จำนวน 2,105 เที่ยวบิน