HoonSmart.com>>ตลาดหลักทรัพย์กำลังศึกษาหาทางเพิ่มสภาพคล่องให้กับบริษัทขนาดกลางและขนาดย่อม เล็งนำใบสั่งซื้อสินค้า ขายลดให้นักลงทุน ส่วนช่องทางการระดมทุนผ่านกระดาน SME เดินหน้าตามแผนงาน พร้อมศึกษาผลตอบแทน-ความเสี่ยงหุ้น พบบริษัทขนาดกลางน่าสนใจ ตกน้อยกว่าขนาดเล็ก ภาวะตลาดหุ้นในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ หุ้นไทยให้ผลตอบแทน 10% สูงกว่าอาเซียน แม้ต่างชาติขายติดต่อเดือนที่ 5 นักลงทุนไทยซื้อมากกว่า 1 แสนล้านบาท
นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์กำลังศึกษาหาแนวทางเพิ่มสภาพคล่องให้กับบริษัทเอสเอ็มอี โดยอาจจะนำใบสั่งซื้อสินค้าของบริษัทขนาดใหญ่ มาขายลดให้แก่นักลงทุน ส่วนการเปิดกระดาน SME ยังคงดำเนินการตามระยะเวลาที่กำหนด เพื่อเป็นช่องทางในการระดมทุนของบริษัทขนาดกลางและขนาดย่อม
ด้านนายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์กำลังศึกษาเรื่องผลตอบแทนจากการลงทุน จากข้อมูลในปี 2561-2562 และปัจจุบันพบว่าหุ้นที่มีขนาดกลางจะให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า และตกน้อยกว่าหุ้นขนาดเล็ก ส่วนรายละเอียดของการศึกษายังไม่แล้วแเสร็จ
นอกจากนี้ยังพบว่านักลงทุนให้ความสนใจลงทุนหุ้นนอกกลุ่ม SET 100 และบริษัทในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ(mai) มากขึ้น ทั้งนี้เป็นหุ้นขนาดกลางและเล็กด้วย
ส่วนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก มีผลให้การส่งออกของไทยดีขึ้น และภาพรวมการลงทุนในตลาดหุ้นไทย ณ สิ้นเดือนพ.ค.2564 ดัชนีปิดที่ 1,593.59 จุด เพิ่มขึ้น 10% จากสิ้นปี 2563 ซึ่งถือเป็นการปรับเพิ่มขึ้นสูงกว่าค่าเฉลี่ยของดัชนีตลาดหลักทรัพย์อื่นๆ โดยอุตสาหกรรมที่ปรับตัวดีกว่าดัชนีได้แก่กลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม กลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค กลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง กลุ่มเทคโนโลยี และกลุ่มธุรกิจการเงิน
นอกจากนี้ราคาพลังงาน และสินค้าโภคภัณฑ์หลายชนิดในตลาดโลกปรับเพิ่มขึ้นมาก เป็นปัจจัยสนับสนุนให้ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนไทยโดยเฉพาะในกลุ่มพลังงานที่กำไรแปรผันตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกแสดงผลกำไรสุทธิในช่วงไตรมาส 1/2564 เพิ่มสูงขึ้น แต่หากไม่รวมกลุ่มดังกล่าวพบว่าบริษัทจดทะเบียนไทยรายงานกำไรสุทธิอยู่ในเกณฑ์ทรงตัว
ส่วนมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันใน SET และ mai อยู่ที่ 109,446 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 63.8% จากเดือนพ.ค.ของปีก่อน โดยใน 5 เดือนแรกปี 2564 มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 98,859 ล้านบาท ผู้ลงทุนต่างชาติขายสุทธิต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 ในเดือนพ.ค.ขายสุทธิ 34,054 ล้านบาท รวม 5 เดือนแรกปี 2564 ขายสุทธิรวม 66,870 ล้านบาท โดยนักลงทุนไทยซื้อสุทธิ 101,236 ล้านบาท และตั้งแต่เดือนก.พ. 2563 ที่มีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ผู้ลงทุนไทยมีสัดส่วนมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดมาอย่างต่อเนื่อง
Forward และ Historical P/E ของตลาดหลักทรัพย์ไทย ณ สิ้นเดือนพ.ค. 2564 อยู่ที่ระดับ 19.2 เท่า และ 29.65 เท่าตามลำดับ สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดในเอเชียซึ่งอยู่ที่ระดับ 15.0 เท่า และ 26.8 เท่าตามลำดับ อัตราเงินปันผลตอบแทน ณ สิ้นเดือนพ.ค. 2564 อยู่ที่ระดับ 2.42% สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดในเอเชียซึ่งอยู่ที่ 2.25%
สำหรับการรับหุ้นใหม่ ในเดือนพ.ค. มีบริษัทเข้าจดทะเบียนซื้อขายใหม่ใน SET 3 บริษัท และใน mai 3 บริษัท โดยใน 5 เดือนแรกปี 2564 SET มีมูลค่าระดมทุน (IPO) สูงที่สุดเมื่อเทียบกับตลาดหลักทรัพย์อื่นๆ ในอาเซียนโดยสาเหตุหลักมาจากการเข้าจดทะเบียนของบริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก (OR) และ บริษัทเงินติดล้อ (TIDLOR)
ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (TFEX) ในเดือนพ.ค.มีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 597,159 สัญญา เพิ่มขึ้น 26.1% จากเดือนก่อน ส่วนใหญ่เพิ่มขึ้นจาก SET50 Index Futures และ Single Stock Futures