โดย…..สุนันท์ ศรีจันทรา
การประกาศโครงการซื้อหุ้นคืน ซึ่งน่าจะเป็นปัจจัยกระตุ้นหุ้นบริษัท บิวตี้ คอมมูนิตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ หุ้นBEAUTY ให้คึกคัก แต่ปรากฏว่า ราคาหุ้นแทบไม่ได้ตอบรับแต่อย่างใด
คณะกรรมการ BEAUTY ประชุมเมื่อวันที่ 9 กรกฎาคมที่ผ่านมา และมีมติดำเนินโครงการซื้อหุ้นคืน ในวงเงินไม่เกิน 950 ล้านบาท ซื้อหุ้นจำนวน 64 ล้านหุ้น หรือ 2.13% ของทุนจดทะเบียน ภายในเวลา 6 เดือน หลังจากหุ้นถูกเทขายอย่างหนัก จนราคาทรุดลงรุนแรง จากจุดสูงสุดที่ 23.70 บาท เมื่อวันที่ 30 เมษายน ลงมาต่ำสุดที่ 6.45 บาท เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม
การซื้อหุ้นคืนเริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 24 กรกฎาคม โดยซื้อในกระดานหุ้น ราคาระหว่าง 7.85 บาทถึง 8.25 บาท ซื้อจำนวนทั้งสิ้น 2.45 ล้านหุ้น ใช้เงินทั้งสิ้น 19.89 ล้านบาท และซื้อต่อเนื่องแทบทุกวัน รวมแล้วซื้อ 7 วันทำการ หุ้นที่ซื้อมีจำนวนทั้งสิ้น 12.67 บ้านหุ้น หรือ 0.4% ของทุนจดทะเบียน ใช้เงินไปแล้ว 99.06 ล้านบาท
วันที่ 6 กรกฎาคม ก่อนคณะกรรมการบริษัทฯจะมีมติซื้อหุ้นคืน หุ้น BEAUTY ปิดการซื้อขายที่ 8 บาท แต่เมื่อวันที่ 7 สิงหาคมลงมาปิดที่ 6.95 บาท สะท้อนให้เห็นว่า ราคาหุ้นไม่ได้ตอบรับกับโครงการซื้อหุ้นคืนแต่อย่างใด โดยนักลงทุนยังคงทยอยขายหุ้นออก
และแรงซื้อพิเศษจากโครงการซื้อหุ้นคืน ไม่ได้ช่วยผลักดันทิศทางราคาหุ้น BEAUTY ให้กระเตื้องขึ้น
ถ้าไม่มีโครงการรับซื้อหุ้นคืน ไม่อาจประเมินได้ว่า ปัจจุบันราคาหุ้น BEAUTY จะยืนอยู่ที่ระดับใด สร้างจุดต่ำสุดใหม่อีกหรือไม่
เส้นทางหุ้น BEAUTY สดใสมาตลอด นับจากเข้าตลาดหุ้น ราคาอยู่ในทิศทางขาขึ้น นักลงทุนแห่เข้ามาช้อนหุ้นเก็บ และแม้กลุ่มไกรภูเบศ ผู้ถือหุ้นใหญ่ จะทยอยขายหุ้นออกมา แต่นักลงทุนไม่ได้ให้ความสำคัญแต่อย่างใด และซื้อขายเก็งกำไร BEAUTY ตามปกติต่อไป
เพราะผลประกอบการบริษัทเติบโตต่อเนื่อง และไตรมาสแรกปีนี้ กำไรยังดีอยู่ โดยมีกำไรสุทธิ282.41 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 199.65 ล้านบาท
แต่ต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา BEAUTY ก็ถูกทิ้ง นักลงทุนเปิดฉากเทขาย ทำให้ราคาไหลลงอย่างต่อเนื่อง โดยไม่มีข่าวร้ายกระทบอย่างเป็นรูปธรรม นักลงทุนทั่วไปไม่รู้สาเหตุการทรุดตัวของหุ้น โดยบางส่วนยังวิ่งเข้าไปช้อนซื้อ เพราะเห็นราคาลงมาลึก และคิดว่าเป็นโอกาสในการเก็บของถูก แต่คิดผิด และติดหุ้นต้นทุนสูงกันเป็นแถว
นายสุวิน ไกรภูเบศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท เพิ่งออกมายอมรับในภายหลังว่า ผลประกอบการไตรมาสที่สอง ซึ่งจะประกาศในอีกมี่กี่วันข้างหน้าชะลอตัวลง แต่ไม่รู้ว่า จะชะลอตัวลงมกขนาดไหน
ในเบื้องต้นต้องสรุปว่า สาเหตุที่ทำให้หุ้น BEAUTY ดิ่งเหวลงมา จากระดับสูงสุดที่ 23.70 บาท ลงมาต่ำสุดที่ 6.45 บาท ลดลง 17.25 บาท หรือลดลงกว่า 70% นั้น เกิดจากผลประกอบการไตรมาสที่สอง ซึ่งขณะนี้ยังไม่ประกาศ กำไรจะลดลง และกลายเป็นชนวนการถูกถล่มขาย
เพียงแต่ไม่รู้ว่า ใครเป็นผู้จุดชนวนการถล่มขายเท่านั้น
ถ้าราคาหุ้น BEAUTY ยังรูดต่อไป โครงการซื้อหุ้นคืน จะถูกผลกระทบไปด้วย เพราะหุ้นที่บริษัทซื้อลงทุน หรือเก็บเข้าพอร์ตไว้ มูลค่าจะต่ำลงตามไปด้วย ทำให้ได้รับผลขาดทุนจากเงินลงทุน ซ้ำเติมผลประกอบการที่ย่ำแย่อยู่แล้ว
จะช้อนเก็บหุ้น BEAUTY คงต้องคิดหนักกันหน่อยแล้ว เพราะราคาขณะนี้ ยังปรับฐานไม่สะเด็ดน้ำ และอาจซึมซับรับข่าวร้ายผลประกอบการไตรมาสสองไม่หมด ราคาจึงมีโอกาสแกว่งตัวลงอีก
อยากเก็บหุ้น BEAUTY รอดูผลประกอบการไตรมาสสองก่อนดีไหม อีกไม่กี่วันประกาศแล้ว ใจเย็นสักหน่อย อาจมีของถูกจริงให้เลือกซื้อ