HoonSmart.com>>KBank Private Banking ร่วมกับ Lombard Odier แนะลงทุนกระจายเสี่ยง เน้นหุ้นยั่งยืน ปั้นพอร์ตลูกค้าเศรษฐีโตต่อเนื่องรับ Post-COVID ชี้หุ้นยุโรป-ตลาดเกิดใหม่จะให้ผลตอบแทนดีสุด
ดร.แซมมี่ ชาร์ หัวหน้าทีมนักเศรษฐศาสตร์ Lombard Odier มองภาพรวมเศรษฐกิจว่า “การฟื้นตัวของเศรษฐกิจทั่วโลกยังไม่ทั่วถึง ด้วยความแตกต่างในการกระจายวัคซีน ทำให้ประเทศที่กระจายวัคซีนได้รวดเร็ว อย่างสหรัฐฯ สหราชอาณาจักร และประเทศในยุโรป กิจกรรมทางเศรษฐกิจเริ่มทยอยกลับมาเป็นปกติ ส่งผลให้เศรษฐกิจฟื้นตัวได้เร็วกว่าประเทศอื่น โดยคาดว่าจะก่อให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ หรือ Herd Immunity ได้ในไตรมาส 3 ของปีนี้”
จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่แตกต่างกันไปในแต่ละภูมิภาค มร.สเตฟาน โมเนียร์ ผู้บริหารการลงทุนระดับสูง Lombard Odier มีมุมมองต่อตลาดหุ้นในแต่ละภูมิภาค รวมทั้งสินทรัพย์ประเภทอื่นๆ แตกต่างกันไป ดังนี้
• หุ้นกลุ่มตลาดเกิดใหม่ หุ้นยุโรป และตราสารหนี้ตลาดเกิดใหม่ น่าจะให้ผลตอบแทนดีที่สุด ในอีก 1 ปี ข้างหน้า
• บริษัทจดทะเบียนในสหราชอาณาจักร ตลาดเกิดใหม่ และยุโรป มีกำไรสุทธิต่อหุ้น หรือ Earing จะเติบโตได้ดีกว่าภูมิภาคอื่น
• ในช่วงเศรษฐกิจฟื้นตัว คาดว่าหุ้นคุณค่า หรือ Value Stock จะมีผลตอบแทนที่โดดเด่นกว่าหุ้นกลุ่มเติบโต หรือ Growth Stock แม้ราคาต่อหุ้นจะค่อนข้างแพง แต่การเติบโตของกำไรสุทธิต่อหุ้น หรือ Earning ยังคงสนับสนุนให้น่าสนใจต่อเนื่อง
• ในทางกลับกัน มองว่า ทองคำ ตราสารหนี้ยุโรป และตราสารหนี้ในสหรัฐฯ ให้ผลตอบแทนน้อยที่สุด จากการคาดการณ์ว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี จะอยู่ที่ 2.0% ณ สิ้นปี 2564 และ 2.5% ในอีก 12-18 เดือนข้างหน้า ซึ่งส่งผลกระทบทางลบต่อผลตอบแทนทองคำ
ส่วนมุมมองต่อกระแส Bitcoin มร. สเตฟาน มีความเห็นว่า “มีโอกาสที่ทั่วโลกจะใช้ Cryptocurrency แพร่หลายมากขึ้นในอนาคต และเชื่อว่าเทคโนโลยี Block Chain จะเข้ามามีบทบาทในโลกการเงินมากขึ้น แต่ในแง่ของการลงทุนนั้นมองว่ายังมีความเสี่ยงอยู่มาก เพราะ 1) ไม่สามารถประเมินมูลค่าได้ ราคาเคลื่อนไหวตาม Demand-Supply 2) นวัตกรรมและเทคโนโลยีอาจทำให้มี Crypto Asset ใหม่ๆ ที่ได้รับความนิยมและประสบความสำเร็จมากกว่า Bitcoin”
ด้านกลยุทธ์การลงทุน Lombard Odier ยึดหลักลงทุนโดยการกระจายการลงทุนในหลายสินทรัพย์
• หุ้น และกระจายการลงทุนทั้ง Growth + Value Stock ให้ความสำคัญกับการลงทุนในหุ้นยั่งยืน
• ตราสารหนี้ โดยเน้นลงทุนในจีน เพราะมีผลตอบแทนที่น่าดึงดูด
• เติมเต็มพอร์ตด้วย Private Assets (โดยเฉพาะ Private Equity) เพื่อเพิ่มผลตอบแทนในระยะยาว
เช่นเดียวกับมุมมองจาก Lombard Odier นายจิรวัฒน์ สุภรณ์ไพบูลย์ Private Banking Group Head ธนาคารกสิกรไทย ยังเชื่อมั่นว่าการลงทุนระยะยาว ผ่านการกระจายการลงทุนในหลายสินทรัพย์เพื่อลดความผันผวนของพอร์ตการลงทุนในระยะสั้น และยังคงเน้นการลงทุนหุ้นในธีม Winner of New Economy, Health is Wealth และ Save the World ที่ล้วนมีปัจจัยสนับสนุนเฉพาะ รวมไปถึงความสามารถในการคัดเลือกหุ้นของผู้จัดการกองทุนชั้นนำของโลก ที่สามารถให้ผลตอบแทนที่ดีได้ในระยะยาว