บลจ.กรุงไทย เดินหน้าจ่ายปันผลกองทุนหุ้น KTSF-KTLFมองหุ้นปรับฐานโอกาสเข้าซื้อ ลุ้นดัชนี 1,900 จุดปีนี้
นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย (KTAM) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการจัดการลงทุนมีมติจ่ายเงินปันผล 2 กองทุน ประกอบด้วย กองทุนเปิดกรุงไทยหุ้นทุนปันผล (KTSF) และกองทุนเปิดกรุงไทยหุ้นระยะยาว (KTLF) โดยกองทุน KTSF เป็นการจ่ายเงินปันผลครั้งที่ 2/2561 สำหรับรอบระยะเวลาบัญชี วันที่ 1 ก.ค. 2560 – 30 มิ.ย.2561 ผลการดำเนินงานสิ้นสุด ณ วันที่ 31 มี.ค.2561 ในอัตรา 0.45 บาทต่อหน่วย
ส่วนกองทุน KTLF จ่ายเงินปันผลครั้งที่ 1 /2561 สำหรับรอบระยะเวลาบัญชี วันที่ 1 ต.ค. 2560 -30 ก.ย.2561 จากผลการดำเนินงานสิ้นสุด ณ วันที่ 31 มี.ค.2561 ในอัตรา 0.15 บาทต่อหน่วย โดยทั้ง 2 กองทุน จะจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนในวันที่ 25 เม.ย.2561
สำหรับกองทุน KTSF มีนโยบายลงทุนในหุ้นปัจจัยพื้นฐานดี ให้ผลตอบแทนที่ดี เป็นบริษัทที่มีสถานะการเงินที่มั่นคง มีกระแสเงินสดที่ดีสม่ำเสมอ และมีความสามารถในการชำระหนี้ที่ดี ผู้บริหารมีประสบการณ์ และเชี่ยวชาญในการประกอบธุรกิจนั้นๆ ราคาตลาดของหลักทรัพย์ต่ำเมื่อเทียบกับปัจจัยพื้นฐาน โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีมี่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลือลงทุนในตราสารหนี้ ที่มีการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ 4 อันดับแรก จากสถาบันจัดอันดับที่ได้รับการยอมรับจากสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต.
ทั้งนี้ ภายในระยะเวลา 3 เดือน กองทุน KTSF จ่ายเงินปันผล รวมทั้งสิ้น 2 ครั้ง ในช่วงวันที่ 23 ม.ค.2561 จ่ายเงินปันผลครั้งที่1 /2561 จำนวน 0.45 บาทต่อหน่ว และหากรวมครั้งนี้ ก็จะเท่ากับ 0.90 บาทต่อหน่วย ส่วนกองทุน KTLF เน้นลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดีโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 65% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวม ส่วนที่เหลือลงทุนในตราสารหนี้
สำหรับผลการดำเนินงานของกองทุน KTSF สิ้นสุด ณ วันที่ 5 เม.ย.2561 ย้อนหลัง 1 ปี อยู่ที่ 12.45% ,3 ปี อยู่ที่ 7.05% ,5 ปี อยู่ที่ 6.15% และ 10 ปี อยู่ที่ 10.71% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานย้อนหลัง 1 ปี อยู่ที่ 13.42% ,3 ปี อยู่ที่ 5.67% ,5 ปี อยู่ที่ 4.01% และ 10 ปี อยู่ที่ 8.19% ส่วนกองทุน KTLF ย้อนหลัง 1 ปี อยู่ที่ 11.95% , 3 ปี อยู่ที่ 5.73% ,5 ปี อยู่ที่ 4.98% และ 10 ปี อยู่ที่ 10.17% เทียบกับเกณฑ์มาตรฐาน ย้อนหลัง1 ปี อยู่ที่ 13.43% , 3 ปี อยู่ที่ 5.67% , 5 ปี อยู่ที่ 4.01% และ 10 ปี อยู่ที่ 8.19 %
อย่างไรก็ตามบลจ.กรุงไทย มองตลาดหุ้นยังคงเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับการลงทุนในปีนี้ โดยมีปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนได้แก่ สภาพคล่องในตลาดการเงินที่ยังอยู่ในระดับที่สูงและอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำในขณะที่สินทรัพย์เพื่อการลงทุนอื่น ให้ผลตอบแทนที่ค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับระดับความเสี่ยง ภาพรวมเศรษฐกิจต่างประเทศและเศรษฐกิจไทยก็มีการขยายตัวต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา โดยปัจจัยเสี่ยงส่วนใหญ่จะเป็นปัจจัยภายนอกประเทศ ได้แก่ แนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด ความผันผวนของตลาดอัตราแลกเปลี่ยน ราคาน้ำมันดิบ ความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างประเทศ เป็นต้น
ที่งนี้ บริษัทคาดว่าผลผลิตมวลรวมของประเทศ ( GDP) โตประมาณ 3.9 % ในปีนี้ การฟื้นตัวของการส่งออกและการบริโภคในประเทศฟื้นตัวดีขึ้น อัตราดอกเบี้ยคงที่1.5% ต่อปีและคาดว่าค่าเงินบาทยังคงแข็งค่าอยู่ที่ 30 บาท/ดอลลาร์ การฟื้นตัวของผลกำไรของบริษัจดทะเบียนประมาณ 12% ด้วย EPS 110 บาท PE 17.2 เท่า เป้าหมายดัชนีปีนี้อยู่ที่ 1,900 จุด และหากราคาปรับตัวลง เป็นจังหวะในการเข้าลงทุนได้