HoonSmart.com>> บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง กำไรไตรมาส 1/64 จำนวน 277 ล้านบาท เติบโต 105% กวาดรายได้ค่านายหน้า 686 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35% ตามวอลุ่มเทรดตลาดหุ้นเพิ่ม 45%
บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) หรือ MBKET เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2564 สิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค.2564 กำไรสุทธิ 276.73 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.48 บาท เติบโต 105.47% จากงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 134.67 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.24 บาท
บริษัทฯ มีรายได้ค่านายหน้าเพิ่มขึ้น 178.38 ล้านบาท จาก 507.94 ล้านบาท เป็น 686.32 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 35.12% เนื่องจากรายได้ค่านายหน้าจากการซื้อขายหลักทรัพย์เพิ่มขึ้น 203.83 ล้านบาท จาก 442.42 ล้านบาท เป็น 646.25 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 46.07% เป็นผลจากมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์เพิ่มขึ้นจาก 66,901.38 ล้านบาท/วัน เป็น 96,950.96 ล้านบาท/วัน หรือ เพิ่มขึ้น 44.92%
ด้านสัดส่วนนักลงทุนบุคคล ซึ่งเป็นส่วนรายได้หลักของบริษัทเพิ่มขึ้นจาก 37.81% เป็น 47.33% เป็นผลให้มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยของนักลงทุนบุคคล เพิ่มขึ้นจาก 25,293.81 ล้านบาท/วัน เป็น 45,882.65 ล้านบาท/วัน หรือเพิ่มขึ้น 81.40%
รายได้ค่านายหน้าจากการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าลดลง 25.45 ล้านบาท จาก 65.52 ล้านบาท เป็น 40.07 ล้านบาท หรือลดลง 38.84%
ด้านรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการเพิ่มขึ้น 28.19 ล้านบาท จาก 13.70 ล้านบาท เป็น 41.89 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 205.77% เนื่องมาจากค่าธรรมเนียมจากการจัดจำหน่ายหลักทรัพย์เพิ่มขึ้น 11.77 ล ้านบาท ค่าที่ปรึกษาทางการเงินเพิ่มขึ้น 7.09 ล้านบาท และค่าธรรมเนียมและบริการอื่นเพิ่มขึ้น 9.33 ล้านบาท
ขณะที่รายได้อื่นลดลง 9.72 ล้านบาท จาก 229.79 ล้านบาท เป็น 220.07 ล้านบาท หรือลดลง 4.23% เนื่องมาจากรายได้ดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์ลดลง 11.31 ล้านบาท และรายได้ดอกเบี้ยจากเงินฝากในสถาบันการเงินและพันธบัตรรัฐบาลลดลง 19.16 ล้านบาท ในขณะที่กำไรและผลตอบแทนจากเครื่องมือทางการเงินเพิ่มขึ้น 18.77 ล้านบาท และรายได้อื่นเพิ่มขึ้น 1.98 ล้านบาท
ด้านค่าใช้จ่ายรวมของบริษัทฯ เพิ่มขึ้น 20.46 ล้านบาท จาก 581.50 ล้านบาท เป็น 601.96 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 3.52% เนื่องมาจากค่าใช้จ่ายผลประโยชน์พนักงานเพิ่มขึ้น 37.27 ล้านบาท ค่าธรรมเนียมและบริการจ่ายเพิ่มขึ้น 2.93 ล้านบาท ผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นเพิ่มขึ้น 1.92 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น 5.22 ล้านบาท ในขณะที่ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยลดลง 26.88 ล้านบาท