‘เอเซีย พลัส’ เตือนหุ้นกัญชงขึ้นมามาก ยกบริษัทสหรัฐฯ-แคนาคาส่วนใหญ่ขาดทุน

HoonSmart.com>> บล.เอเซีย พลัส แนะนำเพิ่มความระมัดระวังเก็งกำไรหุ้นกัญชง แม้มองมูลค่าตลาดเติบโตสูง ด้านราคาขึ้นมามาก ยกผลศึกษา บริษัทใน “สหรัฐฯ- แคนาดา” ลงทุนกลุ่มธุรกิจกัญชง-กัญชา สูง พบส่วนใหญ่ยังขาดทุน ปัญหาหลักควบคุมประสิทธิภาพ ใข้งบลงทุน ศึกษาวิจัย ทำการตลาด พัฒนาการกำไรค่อยเป็นค่อยไป

หลังอย.เรียกคืนใบอนุญาตนำเข้าเมล็ดกัญชงจากเอกชน 7 ราย กระทบเชิงลบต่อหุ้น ขณะที่ราคาหุ้นขึ้นมามาก ประเมินมูลค่าตลาดในไทยเติบโตสูงตาม “สหรัฐฯ- แคนาดา” ลงทุนกลุ่มธุรกิจกัญชง-กัญชา สูง พบบริษัทส่วนใหญ่ยังขาดทุน ปัญหาหลักควบคุมประสิทธิภาพ ใข้งบลงทุน ศึกษาวิจัย ทำการตลาด พัฒนาการกำไรค่อยเป็นค่อยไป

บริษัทหลักทรัพย์เอเซีย พลัส ออกบทวิเคราะห์หุ้นกัญชง ประเด็นล่าสุด กรณี อย.เรียกคืนในอนุญาตนำเข้าเมล็ดกัญชงจากบริษัทเอกชน 7 ราย (รวม DOD) หลักๆ เพื่อแก้ไขรายละเอียดใบอนุญาตเพิ่มเติม เบื้องต้นประเมินอาจเป็น Sentiment ลบต่อหุ้นที่เกี่ยวข้องคือ JKN, CHAYO, KISS และ BEAUTY ที่มีการลงนาม MOU ร่วมกับ DOD จากความไม่ชัดเจนดังกล่าว ทั้งนี้ DOD คาด อย.จะมีการส่งกลับคืนภายใน 1 – 2 สัปดาห์

ทั้งนี้ จากการศึกษาของฝ่ายวิจัย ในประเทศที่เริ่มมีการลงทุนในกลุ่มธุรกิจกัญชง – กัญชา สูง คือ สหรัฐฯ และแคนาดา จะพบว่าบริษัทส่วนใหญ่ แม้เริ่มเห็นพัฒนาการของรายได้ที่เพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา หลังเริ่มมีการอนุญาตให้ผลิตเชิงพาณิชย์แพร่หลายขึ้น แต่ส่วนใหญ่จะเห็นว่ายังประสบผลขาดทุน (ส่วนใหญ่ดำเนินงานมามากกว่า 2 ปี) หลักๆมาจากทั้งปัญหาเรื่องการควบคุมประสิทธิภาพการผลิต, การลงทุน R&D และ ค่าใช้จ่ายทางการตลาด

ทั้งนี้ ในระยะยาวภาพรวมมูลค่าตลาดเชื่อว่ายังมีอีกมาก จากการศึกษามูลค่าตลาดสารสกัด CBD ในสหรัฐฯ คาดจะเติบโตเฉลี่ย 21% CAGR 2563-2566 ต่อปี โดยกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีอัตราการเติบโตสูง คือ กลุ่มเครื่องดื่ม, กลุ่มเครื่องสำอาง + ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว และสินค้าบริโภค

ขณะที่ในประเทศไทย หากอิง Timeline ของ DOD (หากได้รับในอนุญาตนำเข้ากลับมา) เบื้องต้นคาดจะเริ่มนำเข้าได้ในช่วงปลายเดือนเม.ย.64 โดยปกติจะใช้เวลาปลูกราว 4 – 6 เดือน จะทำให้ผลผลิตกัญชง + สารสกัด CBD น่าจะเริ่มออกมาราวช่วงปลายไตรมาส 3/64 และผลิตภัณฑ์ปลายน้ำ ที่มีส่วนผสม CBD ของแต่ละราย น่าจะเริ่มเห็นมากขึ้นในช่วงไตรมาส 4/64

ทั้งนี้ ภาพรวมแม้ฝ่ายวิจัยเชื่อว่าโอกาสการเติบโตของมูลค่าตลาดจะยังสูง (อิงจากตลาดสหรัฐฯ) แต่ปัจจุบันราคาหุ้นที่เกี่ยวข้องส่วนใหญ่ที่ปรับตัวขึ้นมามาก YTD ประกอบกับ จากการศึกษาธุรกิจในสหรัฐฯ และแคนาดา ส่วนใหญ่ ที่ยังเห็นพัฒนาการกำไรค่อยเป็นค่อยไป จึงแนะนำให้เพิ่มความระมัดระวังในการลงทุนหุ้นกลุ่มดังกล่าว