‘วนรัชต์’ บิ๊กล็อต STARK 3,770 ลบ. “กองทุนไทย-เทศ 2 เสี่ย” ซื้อ

HoonSmart.com>>”วนรัชต์ ตั้งคารวคุณ” ขาย STARK บิ๊กล็อต 952 ล้านหุ้น หรือ 8%  ราคาเฉลี่ย 3.96 บาทต่ำกว่าในตลาด กองทุนไทยและต่างประเทศไม่ต่ำกว่า 5 รายซื้อ  รวมถึงนักลงทุนรายใหญ่ 2 ราย เพิ่ม Free Float แตะ 30% รุกธุรกิจตามแผน เน้นกลยุทธ์มาร์จิ้นสูง ตั้งเป้าปีนี้รายได้โตไม่ต่ำกว่า 15-20% ดันผลงานนิวไฮต่อเนื่อง

เช้าวันที่ 17 มี.ค.2564 มีการซื้อขายบิ๊กล็อตหุ้นบริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น กระดานต่างประเทศ ( STARK-F) จำนวน 558.1 ล้านหุ้น มูลค่า 2,210 ล้านบาท และ STARK จำนวน 393.9 ล้านหุ้น มูลค่า 1,559.84 ล้านบาท ราคาเฉลี่ย 3.96 บาทต่อหุ้น รวมมูลค่าประมาณ 3,770 ล้านบาท ราคาต่ำกว่าในตลาดที่ซื้อขายบริเวณ 4.14 บาท ลดลง  -0.06 บาท คิดเป็น 1.43%

ทั้งนี้ บิ๊กล็อตทำรายการผ่านบริษัทหลักทรัพย์ เครดิต สวิส (ประเทศไทย) แบ่งจัดสรรให้กับพันธมิตรได้แก่ นักลงทุนสถาบันในประเทศ ประมาณ 40% สถาบันต่างประเทศ ประมาณ 50% และนักลงทุนรายใหญ่ 2 ราย

นายชนินทร์ เย็นสุดใจ ประธานกรรมการ บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น  กล่าวว่า นายวนรัชต์ ตั้งคารวคุณ  ผู้ถือหุ้นใหญ่ได้ขายบิ๊กล็อต จำนวน 952 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 8% โดยยังคงเหลือสัดส่วนการถือหุ้นประมาณ 70% และเมื่อร่วมกับ Stark Investment Corporation Limited

“การที่กลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ตัดสินใจขายหุ้นบิ๊กล็อต เนื่องจากมีนักลงทุนสถาบันในประเทศไทยและต่างชาติ แสดงความสนใจขอเข้าร่วมลงทุนจำนวนมาก ด้วยมองเห็นถึงปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งของ STARK เพราะอุตสาหกรรมสายไฟฟ้า และสายเคเบิ้ลมีแนวโน้มการเติบโตระดับสูง จากความต้องการใช้เพิ่มขึ้นทั่วโลก และบริษัทฯมีศักยภาพการทำกำไรที่ดี นอกจากนี้ยังผลักดันให้ Free Float เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันประมาณ 20% เพิ่มเป็น ประมาณ 30% จะส่งผลให้เป็นหุ้นที่นักลงทุนสถาบันให้ความสนใจมากยิ่งขึ้น”

ประธานกรรมการ กล่าวอีกว่าการทำรายการบิ๊กล็อตในครั้งนี้ไม่มีผลกระทบต่อโครงสร้างการบริหารงาน ตลอดจนนโยบายการดำเนินธุรกิจของบริษัทและมั่นใจว่าพันธมิตรที่ร่วมลงทุนในครั้งนี้จะถือลงทุนในระยะยาว เนื่องจากต้องการเติบโตไปพร้อมกับ STARK

สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2564 บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้เติบโตไม่น้อยกว่า 15-20% และมั่นใจว่าจะทำสถิติสูงสุดใหม่ได้ต่อเนื่อง ด้วยกลยุทธ์การมุ่งเน้นกลุ่มสินค้า ที่มีอัตรากำไรสูง โดยเฉพาะกลุ่มสายไฟแรงดันระดับกลางจนถึงระดับสูงพิเศษ (Medium – Extra High Voltage) ซึ่งมีอัตราการเติบโตสูงตามจำนวนโครงการต่าง ๆ ของภาครัฐและเอกชนที่มากขึ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศ และปัจจุบันบริษัทฯ ยังมีงานในมือที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) อยู่ที่ 8,400 ล้านบาท โดยเป็นงานทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งจะทยอยรับรู้ต่อเนื่อง ขณะเดียวกันบริษัทฯมีความพร้อมที่จะยื่นเข้าประมูลงานโครงการใหม่อีกจำนวนมาก

นอกจากนี้ การเข้าไปลงทุนประเทศเวียดนามในปีที่ผ่านมา สามารถสร้างมูลค่าให้กับบริษัทฯ ได้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะโอกาสในการขยายตลาดต่างประเทศ ซึ่งบริษัทฯ มีแผนจะบุกตลาดสหรัฐ หลังจากที่จีน ซึ่งเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ถูกกีดกันด้วยกำแพงภาษี จึงเป็นโอกาสที่ดี ขณะที่ตลาดสหรัฐ มีความต้องการใช้สายไฟฟ้า และเคเบิ้ลคุณภาพสูงจำนวนมาก

บริษัทฯ คาดว่าจะใช้โรงงานในเวียดนามเป็นส่วนหนึ่งของฐานการผลิต เพื่อส่งออกไปรวมถึงหาโอกาสใหม่ในภูมิภาคอื่นๆ ซึ่งในปีนี้มีเป้าหมายสัดส่วนรายได้การส่งออกเพิ่มขึ้นเป็น 10-12% จากเดิม 8% โดยคาดว่าจะมีการส่งออกไปยัง 50 ประเทศ เพื่อมุ่งสร้างการเติบโตขององค์กรอย่างต่อเนื่องและมั่นคงในระยะยาว และสร้างผลตอบแทนที่น่าพอใจให้กับผู้ถือหุ้นต่อไป