HoonSmart.com>>“เพรสซิเด้นท์ ออโตโมบิล อินดัสทรีส์” ผู้ผลิตชิ้นส่วนอะไหล่แอร์รถยนต์ชั้นนำมานานกว่า 30 ปี เสนอขายไอพีโอ 260 ล้านหุ้น เคาะราคา 1.40 บาทต่อหุ้น P/E ที่ 18 เท่า ต่ำกว่ากลุ่มเฉลี่ยที่ 21 เท่า เปิดจอง 10-12 มี.ค.นี้ คาดเข้าเทรด mai 22 มี.ค.64 มูลค่าเงินระดมทุน 364 ล้านบาท คาดปี 64 รายได้โตกว่าปีก่อนที่ 678 ล้านบาท รักษาอัตราการกำไรสุทธิ 11% โชว์กำไรสุทธิปี 63 โต 150%
นายวรนันท์ ถาวรนันท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่าย หุ้นเพิ่มทุนที่เสนอขายแก่ประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) ของ บริษัท เพรสซิเด้นท์ ออโตโมบิล อินดัสทรีส์ (PACO) เปิดเผยว่า PACO เสนอขายจำนวน 260 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 1.40 บาทต่อหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท มูลค่าการระดมทุนประมาณ 364 ล้านบาท
บริษัทฯจะเปิดให้นักลงทุนทั่วไปจองซื้อหุ้นได้ในระหว่างวันที่ 10-12 มีนาคม 64 ผ่านกลุ่มบริษัทผู้จัดจำหน่าย ได้แก่ บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที บริษัทหลักทรัพย์ อาร์เอชบี (ประเทศไทย) บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) คาดหุ้นจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ในวันที่ 22 มี.ค. 2564
“ราคาหุ้นไอพีโอของ PACO ที่ 1.40 บาท เป็นราคาที่เหมาะสม มีอัตราส่วนราคาต่อกำไร (P/E) ที่ 18 เท่า เมื่อเปรียบเทียบกับ P/E ของหุ้นในกลุ่มชิ้นส่วนรถยนต์เฉลี่ยประมาณ 21 เท่า คาดว่าจะได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างสูง เนื่องจาก PACO เป็นผู้นำในธุรกิจผลิตชิ้นส่วนอะไหล่แอร์รถยนต์ในตลาดชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์ทดแทน (REM หรือ Aftermarket) ระดับนานาชาติ ที่มีความสามารถในการแข่งขันสูง มีส่วนแบ่งการตลาดในตลาดอะไหล่รถยนต์ทั่วโลก และยังเป็นผู้รับจ้างผลิต (OEM) ให้กับแบรนด์ต่างประเทศด้วย แต่สัดส่วนรายได้น้อยมาก เมื่อเทียบกับ REM ที่มีสัดส่วนรายได้มากกว่า 90%” นายวรนันท์ กล่าว
ด้านนายสมชาย เลิศขจรกิตติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เพรสซิเด้นท์ ออโตโมบิล อินดัสทรีส์ (PACO) เปิดเผยว่า บริษัทฯเป็น 1 ในผู้ผลิตชิ้นส่วนอะไหล่แอร์รถยนต์ทดแทนชั้นนำของไทยมาอย่างต่อเนื่องกว่า 30 ปี โดยมีผลิตภัณฑ์หลัก คือ คอยล์ร้อน (Condenser) และคอยล์เย็น (Evaporator) โดย PACO เป็นผู้นำในตลาดอะไหล่รถยนต์ทดแทน (Aftermarket) ภายใต้แบรนด์ ‘PACO’ สำหรับรถยนต์หลากหลายประเภท ครอบคลุมทุกเซ็กเม้นท์ มีสินค้ามากกว่า 2,600 รุ่น ครอบคลุม รุ่นรถยนต์ต่างๆ ทั่วโลก ซึ่งเป็นจุดเด่น นอกจากนี้บริษัทมีแผนกวิจัยพัฒนาผลิตภัณฑ์แอร์รถยนต์รุ่นต่างๆ และสามารถพัฒนาคุณภาพสินค้าให้เป็นที่ยอมรับระดับนานาชาติ ด้วยมาตรฐานสากล ISO 9001:2015 และส่งออกผลิตภัณฑ์ไปจำหน่ายทั่วโลก ทั้งทวีปอเมริกาเหนือ ยุโรป อเมริกาใต้ แอฟริกา เอเชียและออสเตรเลีย
วัตถุประสงค์หลักของการเสนอขายหุ้น IPO โดยจะนำเงินมูลค่าประมาณ 364 ล้านบาท ใช้ในโครงการก่อสร้างคลังสินค้าประมาณ 20-25 ล้านบาท ใช้จัดตั้งบริษัทย่อยเพื่อเป็นศูนย์กระจายสินค้าและขยายตลาดในประเทศมาเลเซีย 20 ล้านบาท ใช้ในโครงการโซลาร์ รูฟท็อปบนอาคาร 38 ล้านบาท ใช้ลงทุนในหน้าร้านของพันธมิตรเพื่อสร้างแบรนด์ ภายใต้ชื่อ“PACO AutoHub อีก 5 ล้านบาท เพื่อให้ตามเป้าหมายที่ 200 แห่ง จากปัจจุบันมี 150 แห่ง และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการขยายกิจการ การลงทุนในโครงการอนาคต โดยบริษัทฯ มีนโยบายจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิ
แนวโน้มการดำเนินงานในปี 2564 บริษัทยังมีการเติบโตอีกมากในอนาคต และจากที่บริษัทลงทุนในโครงการ PACO AutoHub จะช่วยให้การเติบโตที่ดีขึ้ดียิ่งขึ้น ซึ่งพันธมิตรที่เข้าร่วมจะช่วยในการขายและโปรโมชั่นสินค้าของบริษัท คาดว่ารายได้ในปีนี้จะเติบโตมากกว่าปีก่อนที่มีรายได้รวมประมาณ 678 ล้านบาท ขณะที่มีอัตรากำไรสุทธิระดับสูงประมาณ 11% จากระดับ 5%ในปี 2562 ทำให้มีกำไรสุทธิ 76.86 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 46.19 ล้านบาท หรือ 150.63% จากปี 2562 เนื่องจากได้นำเครื่องจักรอัตโนมัติเข้ามาติดตั้งและดำเนินการได้เต็มที่ ส่งผลให้เกิดการปรับกระบวนการทำงานในการผลิตเพื่อควบคุมการใช้แรงงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น สามารถลดต้นทุนค่าแรงและค่าล่วงเวลาได้อย่างมีนัยสำคัญ โดยบริษัทตั้งเป้าที่จะรักษาอัตรากำไรสุทธิไม่ให้ลดลงจากเดิม
ด้านความเสี่ยงก็มีแต่มีน้อย โดยได้รับผลกระทบเล็กน้อยจากปัญหาการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ในการส่งออกช่วงเดือนต.ค.-พ.ย. 2563 โดยบริษัทมีสัดส่วนรายได้ ต่างประเทศประมาณ 53% แต่ปัจจุบันส่งสินค้าได้ปกติ ส่วนในประเทศไทยไม่มีปัญหาในการขนส่ง แนวโน้มจะเติบโตขึ้นเรื่อยๆ รถยนต์เก่ามีเพิ่มขึ้นมาทุกๆปี ปกติขายเฉลี่ยต่อปีประมาณ 1.8 ล้านชิ้น และในอนาคตก็มีแนวโน้มสูงขึ้น