นักวิเคราะห์พบผู้บริหาร ได้ข้อมูลบวกมากขึ้น คาดธุรกิจปูนซีเมนต์โต ตามงานก่อสร้างภาครัฐ อสังหาริมทรัพย์พรีเซล ปิโตรเคมีเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่น
บล.ทรีนีตี้ แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 530 บาท จากภาพระยะยาวของบริษัทยังคงมีความมั่นคง ฐานะทางการเงินแข็งแรง กำไรไตรมาส 2 ไม่ได้แย่อย่างที่คิด ออกมาใกล้เคียงกับที่ประมาณการ 12,401 ล้านบาท
แนวโน้มคาดหวังครึ่งปีหลังจะได้แรงหนุนจากธุรกิจปูนซีเมนต์ เริ่มมีสัญญาณการขยายตัวของภาคก่อสร้างทั้งโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ 2 ล้านล้านบาทของภาครัฐที่เริ่มมีการเดินหน้าโครงการอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทางผู้บริหารเริ่มเห็นสัญญาณดังกล่าวจากเดิมในช่วงของไตรมาส 1 มีสัดส่วนที่ลงทุนประมาณ 8% ของมูลค่า แต่ปัจจุบันขยับเพิ่มมาเป็นประมาณ 20% ของมูลค่า นอกนี้ยังเริ่มเห็นกลุ่มผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่รายหลายมีพรีเซลเพิ่มมากขึ้นกว่าในช่วงของต้นปี
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 500 บาท การประชุมนักวิเคราะห์เมื่อวันที่ 25 ก.ค. ผู้บริหารเริ่มส่งสัญญาณในด้านบวก คือ ธุรกิจปูนซีเมนต์ แนวโน้ม 6-12 เดือน โครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาลจะมีการก่อสร้างมากขึ้น รวมถึงภาคอสังหาริมทรัพย์มีการเปิดตัวโครงการต่างๆมากขึ้น มองแนวโน้มปูนซีเมนต์ปีนี้จะโต 1-3% รวมถึงแนวโน้มราคาปูนซีเมนต์จะปรับขึ้นตามราคาพลังงาน
ส่วนธุรกิจปิโตรเคมี ไตรมาสสามจะเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่น รวมถึงมีความต้องการที่ดี จะช่วยหนุนราคา HDPE และ PP ส่วนต้นทุนราคา Naphtha มีแนวโน้มจะอ่อนตัวลดลง
แต่ก็มีประเด็นความเสี่ยง คือ สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีน
ธุรกิจแพคเกจจิ้ง ความต้องการบรรจุภัณฑ์มีแนวโน้มจะเติบโตต่อเนื่องในไตรมาสสาม ผลประกอบการครึ่งปีแรก ยอดขาย และ กำไรคิดเป็น 51% ของประมาณการทั้งปี จึงคงประมาณการประเมินกำไรในปีนี้เท่ากับ 48,750 ล้านบาท ติดลบ 11.4%
“SCC มีกระแสเงินสดในรูป EBITDA สูงร่วมปีละ 8 หมื่นล้านบาท คาดลงทุนในปีนี้ 4-5 หมื่นล้านบาท ลงทุนในปีหน้า 6 หมื่นล้านบาท ประกาศจ่ายเงินปันผลกำไรครึ่งปีแรก 8.50 บาท และ คาดปันผลปี 2561 ประมาณ 19 บาท”บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็งระบุ
บล.กรุงศรี ให้ราคาเป้าหมาย 550 บาท