HoonSmart.com>>กนง.ไม่แตกแถว ลงมติเอกฉันท์คงดอกเบี้ย 0.50% ตามธนาคารกลางสหรัฐ-ยุโรป-จีน เตรียมกระสุนไว้ใช้ยามจำเป็น หุ้นพลิกกลับจากบวกกว่า 10 จุดทะลุ 1,500 จุดปิดต่ำสุดลบ 4 จุด ต่างชาติทิ้งอีก 3 พันล้านบาท ขายฟิวเจอร์ส 13,392 สัญญา เงินบาทปิด 30.04 อ่อนตามภูมิภาค หุ้นแบงก์ดีใจไม่กระทบมาร์จิ้น บล.เมย์แบงก์แนะตัวขนาดกลาง JMART , AEONTS ,NOBLE บล.โกลเบล็กชวนซื้อ 3 ธีม หุ้นได้ดีสหรัฐอัดฉีด 1.9 ล้านล้านเหรียญ ไทยเปิดโครงการกระตุ้นใหม่ๆ บจ.กำไรโตไฟฟ้า-โรงกลั่น
วันที่ 3 ก.พ. 2564 ตลาดหุ้นเกือบทั่วโลกปรับตัวขึ้น นำโดยดาวโจนส์พุ่งแรง 475.57 จุด หรือ 1.57% จากความหวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหม่ 1.9 ล้านล้านเหรียญและบจ.กำไรดี หนุนให้หุ้นไทยเปิดกระโดดขึ้นไปสูงสุดแตะ 1,500 จุด แต่กลับเจอแรงขาย จนมาปิดใกล้ระดับต่ำสุดที่ 1,481.75 จุดลดลง 4.50 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 79,484.76 ล้านบาท ต่างชาติขายต่อ 3,109.93 ล้านบาท ส่วนค่าเงินบาท ปิดที่ 30.04 บาท/ดอลลาร์อ่อนตามภูมิภาค
ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้น หนุนให้หุ้นพลังงาน และปิโตรเคมีปรับตัวขึ้นแรง แต่เจอแรงขายทำกำไร ปิดต่ำกว่าวันก่อน ขณะที่กลุ่มธนาคารพาณิชย์ โดยเฉพาะแบงก์ใหญ่ KBANK,SCB และ BBL ปรับตัวขึ้นแรงในภาคเช้า ก่อนที่จะทราบผลการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)ที่มีมติเอกฉันท์คงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 0.50 % ซึ่งจะไม่กดดันให้ธนาคารต้องลดดอกเบี้ยเงินกู้และเงินฝากตาม ส่งผลกระทบส่วนต่างของดอกเบี้ยรับ
ขณะเดียวกันนักลงทุนบางส่วนก็ผิดหวังคาดว่ากนง.จะต้องมีมาตรการทางการเงินมากระตุ้นเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ระบาดรอบใหม่ หากไม่ลดดอกเบี้ยลง 0.25% เหลือ 0.25% ก็อาจจะลดการนำส่งเงินสมทบเข้ากอทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF) เพื่อแลกกับการลดดอกเบี้ยของสถาบันการเงิน เหมือนก่อนหน้านี้
นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล. เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดกลับมาปิดลบ 4.50 จุด หลังจากขึ้นไปทดสอบแนวต้านสำคัญ 1,500 จุด เจอแรงขายทำกำไร ตลาดไม่มีปัจจัยใหม่มาหนุน การประชุม กนง. คงดอกเบี้ยผลออกมาตามคาด ยังไม่มีมาตรการใหม่ๆเพิ่มเติม โดยกลุ่มธนาคารโดดเด่น จากความคาดหวังเชิงบวกเรื่องการผลักดันเม็ดเงินสหรัฐ 1.9 ล้านล้านเหรียญ ในช่วงนี้มีการหมุนกลุ่มเล่น หันไปหาหุ้นขนาดกลาง อาทิ JMART , AEONTS และNOBLE
ด้านคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) มีการประชุมนัดแรกของปี 2564 มีมติเอกฉันท์คงดอกเบี้ยที่ 0.50% ต่อปี ซึ่งเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ หลังจากธนาคารกลางยักษ์ใหญ่ของโลก ไม่ว่าจะเป็นธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ธนาคารกลางยุโรป(ECB )และธนาคารกลางจีน ยังคงดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำ และใช้นโยบายอัดฉีดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ ผ่านการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (คิวอี) เช่นสหรัฐกำหนดวงเงินรวม 1.2 แสนล้านดอลลาร์/เดือน ส่วนยุโรป เพิ่มอีก 5 แสนล้านยูโร เป็น 1.85 ล้านล้านยูโร รวมทั้งขยายเวลาออกไปจนถึงเดือนมี.ค.2565 เช่นเดียวกับประเทศไทยที่ธปท.ดูแลสภาพคล่องผ่านตลาดพันธบัตรและรัฐบาลกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านโครงการต่างๆ ล่าสุด รัฐบาลอนุมัติโครงการ “ม.33 เรารักกัน” ช่วยเหลือผู้ประกันสังคมตามมาตรา 33 วางเงื่อนไขเงินฝากไม่เกิน 5 แสนบาท คาดได้เงินสูงสุด 4,500 บาท เทียบ “เราชนะ” เตรียมเสนอครม.พิจารณาอนุมติในสัปดาห์หน้า