HoonSmart.com>> ผู้ถือหุ้น CHOW ไฟเขียวขายโซลาร์ฟาร์ม ญี่ปุ่น 9 โครงการ กำลังผลิตรวม 64.21 เมกะวัตต์ มูลค่ากว่า 4 พันล้านบาท เปิดทางขยายธุรกิจพลังงานทดแทนต่อเนื่อง ทั้งในออสเตรเลีย ญี่ปุ่น และไทย เผยหลังชำระคืนหนี้ กด D/E วูบช่วยเสริมฐานะการเงินแข็งแกร่ง รองรับโอกาสทางธุรกิจที่สดใสในอนาคต
นายอนาวิล จิรธรรมศิริ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เชาว์ สตีล อินดัสทรี้ (CHOW) ผู้ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เหล็กแท่งยาว (Steel Billet) รายใหญ่ของประเทศ และธุรกิจพลังงานโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Farm) ผ่านบริษัท เชาว์ เอ็นเนอร์ยี่ ซึ่งเป็นบริษัทย่อย กล่าวว่า ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2564 เมื่อวันที่ 27 ม.ค.2564 มีมติอนุมัติให้บริษัทย่อยจำหน่ายโครงการโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ในประเทศญี่ปุ่น จำนวน 9 โครงการ มีกำลังการผลิตติดตั้งรวม 64.21 เมกะวัตต์ คิดเป็นมูลค่ารายการทั้งหมดไม่น้อยกว่า 14,000 ล้านเยน หรือ 4,114 ล้านบาทให้กับกลุ่มผู้ประกอบธุรกิจพลังงานหมุนเวียนในประเทศญี่ปุ่น ตามที่คณะกรรมการเสนอ
ทั้งนี้เนื่องจากเห็นว่าจะเกิดประโยชน์กับบริษัทฯ อย่างแท้จริง ช่วยให้อัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ทำให้บริษัทฯมีฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง มีศักยภาพเพียงพอต่อการลงทุนพัฒนาโครงการต่างๆ ในอนาคตได้อย่างคล่องตัวมากขึ้น
สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศญี่ปุ่นทั้ง 9 โครงการประกอบด้วยโครงการอิวากิ ขนาด 26.68 เมกะวัตต์ โครงการ ฮามาดะ 1 ขนาด 11.00 เมกะวัตต์ โครงการฮามาดะ 2 ขนาด 12.00 เมกะวัตต์ โครงการอาโอโมริ ขนาด 7.21 เมกะวัตต์ โครงการนิฮอนมัตสึ ขนาด 1.48 เมกะวัตต์ โครงการโกเรียว ขนาด 1.50 เมกะวัตต์ โครงการชิบูชิ ขนาด 1.00 เมกะวัตต์ โครงการโนกาตะ ขนาด 1.11 เมกะวัตต์ และโครงการไซโตะ ขนาด 2.23 เมกะวัตต์
“ผู้ถือหุ้นมีมติเห็นชอบกับการขายโครงการโรงไฟฟ้าทั้ง 9 โครงการในครั้งนี้ เนื่องจากทำให้ บริษัทฯ รับรู้มูลค่าของโครงการได้ทันทีโดยที่ไม่จำเป็นต้องรอกระแสเงินสดจากการขายไฟตลอดอายุการดำเนินงาน สามารถนำเงินทุนไปพัฒนาโครงการอื่นๆ ที่มีศักยภาพต่อไปในอนาคต รวมทั้งชำระคืนหนี้สินที่มีดอกเบี้ย ซึ่งจะช่วยปรับปรุงฐานะการเงินให้ดีขึ้น เนื่องจากการขายโครงการในครั้งนี้จะทำให้หนี้สินที่มีดอกเบี้ยลดลงทันที 7,469.7 ล้านบาท โดยจำนวน 5,605.5 ล้านบาทเป็นสินเชื่อโครงการ (Project Finance) และชำระคืนเงินกู้ให้กับสถาบันการเงินจำนวน 1,864.2 ล้านบาท สะท้อนให้อัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ทำให้บริษัทฯมีฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง มีศักยภาพเพียงพอต่อการลงทุนพัฒนาโครงการต่างๆ ในอนาคตได้อย่างคล่องตัวมากขึ้น” นายอนาวิล กล่าว
นอกจากนี้การขายโครงการโรงไฟฟ้าทั้ง 9 โครงการในครั้งนี้ สามารถสร้างผลกำไรจากการลงทุน เนื่องจากปัจจุบันโครงการโรงไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนได้รับความสนใจจากผู้ประกอบธุรกิจพลังงานหมุนเวียนในประเทศญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก ทำให้บริษัทฯ สามารถนำกระแสเงินสดที่ได้จากการขายสินทรัพย์ดังกล่าวไปเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนในโครงการอื่น โดยเฉพาะในประเทศออสเตรเลีย ญี่ปุ่น และในประเทศไทย ซึ่งในปี 2564 บริษัทฯ ยังมีเป้าหมายขยายธุรกิจพลังงานทดแทนอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ธุรกิจพลังงานของบริษัทฯ เติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้