ก.ล.ต. ใช้มาตรการลงโทษทางแพ่งกับผู้กระทำผิด 24 ราย กรณีสร้างราคาหุ้น MILL มูลค่าปรับยกก๊วน 172 ล้านบาท เฉพาะ “สิทธิชัย-ภรรยา” หนัก โดนปรับ 164 ล้านบาท เว้นวรรคการเป็นผู้บริหารบริษัทจดทะเบียน 3 ปี
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ( ก.ล.ต.) ได้รับข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า ในช่วงระหว่างวันที่ 21 มีนาคม 2557 ถึง 3 มิถุนายน 2557 มีบุคคลรวม 24 ราย สร้างราคาหุ้น MILL จนทำให้ราคาหุ้นผิดไปจากสภาพปกติของตลาด โดยมีนายสิทธิชัย ลีสวัสดิ์ตระกูล และนางสาวธนิกา ตั้งพูนผลวิวัฒน์ (ภรรยา นายสิทธิชัย ) เป็นตัวการหลักในการสร้างราคาหุ้น ได้รู้เห็นหรือตกลงกับผู้ร่วมกระทำความผิดอีก 5 ราย (บุคคลลำดับที่ (3) – (7)) ได้แก่ (3) นางสาวพรวดี สมพงษ์ชัยกุล (4) นายเกียรติเกษม นันทพิบูลย์ (5) นายวรพจน์ อำนวยพล (6) นายอมฤต นันทนาวุฒิและ (7) นายพงษ์พัฒน์ รุ่งวานนท์ชัย
และผู้สนับสนุนการกระทำผิดอีก 17 ราย (บุคคลลำดับที่ (8) – (24)) ได้แก่ (8) นายอำนาจ วงศ์ไพฑูรย์ปิยะ (9) นางสาวปรีชญา ฑีฆาสุรัตน์ (10) นายอนุพงศ์ คุตติกุล (11) นางสาวณัฐธยาน์ โชคอุดมนิรันดร์ (12) นางสาวสยุมพร เล็กซิ้มลิ้ม (13) นางสาวศรีอุบล อินทรอำนวย (14) นางสาวบุญญารัตน์ แสงกาศ (15) นางสาวอำไพ รัตนนาวิน (16) นายอัครินทร์ ธนกิจรุจิโรจน์ (17) นางสาวธัญญ์นภัส ธนกิจรุจิโรจน์ (18) นางสาวศรีลออ นันทสุขเกษม (19) นางสาวอวยพรวลี นันทพิบูลย์ (20) นายปฏิภาณ ชาตะเมธีกุล (21) นายเอกพล เตชะมโนรมย์ (22) นายสิทธัตถ์ สิทธิสมาน (23) นางสาวรัตนา มีกลิ่นหอม และ (24) นายสราวุฒิ ลีละศรชัย
นายสิทธิชัยและนางสาวธนิกา และผู้ร่วมกระทำความผิดอีก 5 ราย (บุคคลลำดับที่ (3) – (7)) ซื้อขายหุ้น MILL ผ่านบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของตนเอง รวมทั้งบุคคลและนิติบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องในลักษณะอำพรางให้บุคคลทั่วไปเข้าใจผิดว่า ในช่วงเวลาดังกล่าวมีการซื้อขายหุ้นนั้นเป็นจำนวนมาก และ/หรือราคาหุ้นได้เปลี่ยนแปลงไป และมีการซื้อขายในลักษณะต่อเนื่องกัน ทำให้การซื้อขายหุ้นผิดไปจากสภาพปกติของตลาด เพื่อชักจูงให้บุคคลทั่วไปเข้าซื้อหรือขายหุ้นดังกล่าว โดยผู้สนับสนุนการกระทำความผิดอีก 17 ราย (บุคคลลำดับที่ (8) – (24)) ได้ยินยอมให้นายสิทธิชัยและนางสาวธนิกาใช้บัญชีซื้อขายหลักทรัพย์และบัญชีเงินฝากธนาคารเพื่อใช้ในการซื้อขายหุ้น MILL ในช่วงเวลาดังกล่าว
การกระทำดังกล่าวข้างต้นของนายสิทธิชัยและนางสาวธนิกา และบุคคลลำดับที่ (3) – (7) เป็นความผิดตามมาตรา 243(1) ประกอบมาตรา 244 และมาตรา 243(2) ซึ่งมีระวางโทษตามมาตรา 296 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ซึ่งปัจจุบันการกระทำดังกล่าวยังคงเป็นความผิดตามมาตรา 244/3 และมีบทกำหนดโทษตามมาตรา 296 มาตรา 296/1 และมาตรา 296/2 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2559 ประกอบมาตรา 83 แห่งประมวลกฎหมายอาญา และการกระทำของบุคคลลำดับที่ (8) – (24) เป็นความผิดตามมาตรา 243 ประกอบมาตรา 244 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ ซึ่งมีระวางโทษตามมาตรา 296 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ ประกอบมาตรา 86 แห่งประมวลกฎหมายอาญา
คณะกรรมการพิจารณามาตรการลงโทษทางแพ่ง (ค.ม.พ.) นำมาตรการลงโทษทางแพ่งมาใช้บังคับ โดยให้ผู้กระทำความผิดทั้ง 24 ราย ชำระค่าปรับทางแพ่ง ซึ่งผู้กระทำความผิดทั้งหมดได้ทำบันทึกยินยอมปฏิบัติตามมาตรการลงโทษทางแพ่งแล้ว โดยนายสิทธิชัยและนางสาวธนิกาชำระค่าปรับรายละ 81.98 ล้านบาท ผู้ร่วมกระทำความผิด 5 ราย ชำระค่าปรับรายละ 500,000 บาท และผู้สนับสนุนการกระทำความผิด 17 ราย ชำระค่าปรับรายละ 333,333.33 บาท รวมเป็นเงินค่าปรับทางแพ่งจำนวน 172.14 ล้านบาท ซึ่งเงินค่าปรับทางแพ่งเป็นรายได้แผ่นดินที่ ก.ล.ต. จะส่งกระทรวงการคลัง
นอกจากการลงโทษด้วยมาตรการลงโทษทางแพ่งดังกล่าว ก.ล.ต. สั่งห้ามนายสิทธิชัยเป็นกรรมการและผู้บริหารของบริษัทที่ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียน*เป็นเวลา 3 ปี และมีผลทำให้ผู้กระทำผิดทั้ง 23 ราย ที่เหลือเป็นผู้มีลักษณะขาดความน่าไว้วางใจในการเป็นกรรมการหรือผู้บริหารของบริษัทที่ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียนด้วย