HoonSmart.com>> บลจ.กรุงศรี ชี้กองทุน RMF หุ้นต่างประเทศได้รับความนิยมสูงสุดสุดปี 63 ชี้ “กองทุนหุ้นเทคโนโลยี-ธุรกิจแบรนด์ดังระดับโลก” เงินไหลเข้าสูงสุดปีนี้ ผลตอบแทนโดดเด่น แนะกลุ่มที่รับความเสี่ยงได้มากแนะกระจายลงทุนหุ้นต่างประเทศ ส่วนกองทุน SSF หุ้นไทย แนะนำกองทุนกรุงศรีเอ็นแฮนซ์เซ็ท 50-เพื่อการออมลงทุนโค้งสุดท้ายลดหย่อนภาษี
นางสุภาพร ลีนะบรรจง รักษาการกรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่กลุ่มการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) กรุงศรี เปิดเผยว่า ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีถือเป็นช่วงที่ผู้ลงทุนให้ความสนใจในการลงทุนสำหรับการวางแผนเกษียณควบคู่กับสิทธิประโยชน์ทางภาษีผ่านกองทุน SSF – RMF เป็นจำนวนมาก กองทุนทั้งสองประเภทนี้เป็นการลงทุนระยะยาว จึงควรให้ความสำคัญกับการกระจายการลงทุน และการเลือกกองทุนที่เหมาะกับความเสี่ยงที่ตนเองรับได้ ปีนี้ RMF ที่ลงทุนในต่างประเทศยังได้รับความนิยมมาก โดยเฉพาะ KFGTECHRMF และ KFGBRANRMF ที่มีผลงานโดดเด่นมากตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา
“จากต้นปีมีเงินทยอยเข้ามาลงทุนใน RMF ต่อเนื่อง ตัวเลข Net Flow ใน RMF ของ บลจ.กรุงศรี ประมาณ 2,000 ล้านบาทจากทั้งอุตสาหกรรมที่มี Net Flow ราว 4,000 ล้านบาท โดย KFGTECHRMF และ KFGBRANRMF เป็น RMF ต่างประเทศที่มีเงินลงทุนเพิ่มมากที่สุดสองอันดับแรก”นางสุภาพร กล่าว
สำหรับผู้รับความเสี่ยงได้มาก และอาจมีสัดส่วนของเงินลงทุนในหุ้นไทยอยู่พอสมควรแล้ว ควรจะกระจายการลงทุนไปในหุ้นต่างประเทศบ้าง เพื่อเปิดโอกาสให้ได้รับผลตอบแทนจากสินทรัพย์หลายประเภทและหลายภูมิภาคมากขึ้น เป็นการกระจายความเสี่ยง ลดความผันผวนของพอร์ตและเพิ่มโอกาสได้รับผลตอบแทนที่ดีด้วย
นางสุภาพร กล่าวว่า ช่วงที่ผ่านมาหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่มีการเติบโตเร็วที่สุดในโลก จากนวัตกรรมที่เกิดขึ้นรวดเร็วตลอดเวลา และมีผู้ใช้งานทั้งลูกค้าทั่วไปและองค์กรต่างๆ ที่นำเอาเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในการดำเนินธุรกิจเพิ่มเป็นจำนวนมากอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นถ้าต้องการลงทุนไปกับการเติบโตของเทคโนโลยี กองทุนเปิดกรุงศรี โกลบอลเทคโนโลยีอิควิตี้เพื่อการเลี้ยงชีพ (KFGTECHRMF) เป็นคำตอบที่ดี
กองทุน KFGTECHRMF ลงทุนในกองทุนหลักคือ T. Rowe Price Funds SICAV – Global Technology Equity Fund โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV กองทุนเน้นลงทุนในบริษัทที่มีนวัตกรรมใหม่ๆ เป็นผู้นำทางด้านเทคโนโลยีทั่วโลก มีแนวโน้มการเติบโตอย่างรวดเร็ว มีทรัพย์สินทางปัญญาที่แข็งแกร่ง มีกลุ่มลูกค้าขนาดใหญ่ อีกทั้งผู้เล่นรายใหม่เข้าสู่ตลาดได้ยาก ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่จะทำให้บริษัทสามารถเติบโตและมีผลกำไรที่ดีในอนาคต ตัวอย่างบริษัทที่ลงทุนล้วนแต่เป็นบริษัทที่เรารู้จักและเป็นลูกค้าเสียส่วนใหญ่ เช่น Microsoft, Facebook, Netflix. Alibaba, Amazon เป็นต้น
ส่วนกองทุนเปิดกรุงศรีโกลบอลแบรนด์อิควิตี้ปันผลเพื่อการออม (KFGBRANSSF) และกองทุนเปิดกรุงศรีโกลบอลแบรนด์อิควิตี้เพื่อการเลี้ยงชีพ (KFGBRANRMF) ลงทุนในกองทุนหลักเดียวกันคือ Morgan Stanley Investment Funds – Global Brands Fund โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV โดยกองทุนนี้จะเน้นลงทุนในบริษัทเจ้าของแบรนด์ที่เป็นที่รู้จัก มีฐานลูกค้าเหนียวแน่นซึ่งเป็นแหล่งรายได้กระจายอยู่ทั่วโลก จึงช่วยกระจายความเสี่ยงในด้านการชะลอตัวของเศรษฐกิจของประเทศใดประเทศหนึ่งได้เป็นอย่างดี และมีศักยภาพในการเติบโตเพราะมีความได้เปรียบทางการแข่งขัน โดยน้ำหนักการลงทุนส่วนใหญ่อยู่ในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการอุปโภคบริโภคที่คนส่วนใหญ่ใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น Microsoft , Visa , L’Oreal , Unilever , Nestle เป็นต้น ไม่ว่าวัฎจักรเศรษฐกิจจะเป็นขาขึ้นหรือขาลง ก็ยังคงมีลูกค้าซื้อใช้อย่างต่อเนื่อง จึงช่วยสร้างผลตอบแทนที่ค่อนข้างสม่ำเสมอและยั่งยืนในระยะยาวได้
ส่วนผู้ที่เล็งเห็นโอกาสการลงทุนในหุ้นไทยช่วงที่ตลาดปรับฐานลงมา แนะนำการลงทุนในกองทุนเปิดกรุงศรีเอ็นแฮนซ์เซ็ท 50-เพื่อการออม (KFENS50SSF) มีนโนบายลงทุนในหุ้นดัชนี SET 50 โดย 90% ของพอร์ตการลงทุนเน้นการสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับดัชนี SET 50 มากที่สุด และอีกประมาณ 10% ของพอร์ตการลงทุนเน้นการลงทุนเชิงรุกเพื่อสร้างผลตอบแทนส่วนเพิ่มกว่าดัชนี SET 50
ล่าสุดกองทุน KFENS50SSF ประกาศจ่ายเงินปันผลในอัตรา 0.50 บาท/หน่วย สำหรับรอบระยะเวลาบัญชี 30 ก.ย.63 โดยกองทุน KFENS50SSF สามารถสร้างผลตอบแทนรวมตั้งแต่จัดตั้งกองทุนที่ 7.10% สูงกว่าดัชนีชี้วัดที่ 4.99% (ที่มา : บลจ.กรุงศรี 30 ก.ย. 63 / ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวม มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต)
นอกจากนี้ บลจ.กรุงศรี ยังมี SSF และ RMF อีกหลากหลายนโยบายให้เลือกลงทุน ไม่ว่าจะเป็น กองทุนที่ลงทุนในตราสารหนี้ กองทุนผสม กองทุนหุ้นทั้งที่เป็น Active Fund และ Passive Fund