PTG ตั้งเป้าปีนี้รายได้แตะ 1.15 แสนล้านบาท เติบโต 25% พร้อมเพิ่มสัดส่วนกำไรธุรกิจ non-oil เป็น 20% หวังดันอัตรากำไรสุทธิเป็น 2% จากปีที่แล้ว 1.08% ยันกพช.เตรียมปรับโครงสร้างราคาน้ำมันขายปลีก ไม่กระทบค่าการตลาด
นายรังสรรค์ พวงปราง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี หรือ PTG เปิดเผยว่า ปีนี้บริษัทตั้งเป้าเพิ่มรายได้เป็น 1.15 แสนล้านบาท จากปีที่แล้วที่มีรายได้ 8.49 หมื่นล้านบาท หรือมีรายได้เพิ่มขึ้น 20-25% และตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนกำไรจากธุรกิจที่ไม่ใช่น้ำมัน (non-oil) เป็น 20% จากปีที่แล้วที่มีสัดส่วนกำไรเพียง 9% ของกำไรสุทธิทั้งปี 2560 ที่อยู่ที่ 913 ล้านบาท อีกทั้งตั้งเป้าหมายเพิ่มอัตรากำไรสุทธิในปีนี้เป็น 2% จากปีที่แล้วที่มีอัตรากำไรสุทธิ 1.08% โดยอัตรากำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้นจะมาจากกำไรของธุรกิจที่ไม่ใช่น้ำมัน ซึ่งเป็นธุรกิจที่มียอดขายเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
นายรังสรรค์ กล่าวถึงกรณีที่กระทรวงพลังงานเตรียมเสนอให้ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ในวันที่ 25 เม.ย.นี้ พิจารณาปรับโครงสร้างราคาน้ำมันหน้าโรงกลั่นและราคาขายปลีก โดยจะยกเลิกค่าพรีเมียม ว่า ปัจจุบันค่าการตลาดของสถานีบริการน้ำมันทั้งระบบอยู่ที่เฉลี่ย 1.5 บาทต่อลิตร ซึ่งเป็นอัตราที่ต่ำมากอยู่แล้ว และเชื่อว่าภาครัฐคงไม่เข้าไปกดดันให้ลดค่าการตลาดลงไปอีก เพราะจะมีผลกระทบต่อสถานีบริการน้ำมันทั้งระบบ ในขณะที่สถานีบริการน้ำมันของ PTG มีต้นทุนที่ต่ำมาก ทำให้ปัจจุบันได้รับค่าการตลาดอยู่ที่ 1.7-1.8 บาทต่อลิตร
“หากแรงกดดันจากภาครัฐ เพื่อให้ปั๊มลดค่าการตลาดลงมาอีก ทาง PTG จะได้รับผลกระทบเป็นรายท้ายๆ เพราะเราเป็นปั๊มที่มีต้นทุนต่ำสุดในระบบ”นายรังสรรค์กล่าว
นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ PTG กล่าวว่า ปีนี้ บริษัทตั้งงบลงทุนไว้ 5,000 ล้านบาท เพื่อลงทุนในธุรกิจหลักทั้งธุรกิจสถานีบริการน้ำมัน และธุรกิจ non-oil เดิม เช่น ร้านกาแฟพันธุ์ไทย ,ร้าน Coffee world ร้านสะดวกซื้อ Max Mart เป็นต้น เป็นเงิน 3,500 ล้านบาท และลงทุนในธุรกิจใหม่ 2-3 แห่ง วงเงิน 1,000-1,500 ล้านบาท ได้แก่ ลงทุนธุรกิจร้านอาหาร “ครัวบ้านจิตร” และไตรมาส 3-4 จะเข้าไปลงทุนธุรกิจขายแอลพีจีหุงต้มในครัวเรือน โดยอยู่ระหว่างการเจรจา รวมทั้งตั้งเป้าเพิ่มจำนวนผู้ถือบัตรพีที แมกซ์ เป็น 10 ล้านบัตร จาก 8 ล้านบัตรในปีที่แล้ว
“วันนี้ (4 เม.ย.) บริษัทลงนามสัญญาร่วมลงทุนในบริษัท จิตรมาส แคเทอริ่ง ในสัดส่วน 70% เป็นเงิน 31 ล้านบาท โดยบริษัทจิตรมาสฯ จะเข้าลงทุนขยายครัวกลางเพื่อผลิตและจัดส่งอาหารพร้อมรับประทาน ไปยังร้านอาหารทั้งในและนอกสถานีบริการของ PTG ในนาม “ครัวบ้านจิตร” ซึ่งปีนี้บริษัทเตรียมงบไว้ 360-400 ล้านบาท โดยจะเปิดสาขาแรกในเดือนพ.ค.นี้ ก่อนเพิ่มเป็น 30 สาขาในปี 2562 และคาดว่าในปี 2565 ยอดขายจะอยู่ที่ไม่ต่ำกว่า 900-1,000 ล้านบาท จากสาขาที่จะเพิ่มเป็น 150 สาขา ซึ่งจะทำให้กำไรจากธุรกิจ non-oil เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง”นายพิทักษ์กล่าว
นายพิทักษ์ กล่าวว่า จุดแข็งของ PTG ยังคงเป็นการขยายสถานีบริการน้ำมันจากการเช่าพื้นที่สถานีบริการน้ำมันที่มีอยู่เดิม ซึ่งมีต้นทุนการลงทุนเพื่อปรับปรุงสถานีเพียง 7-9 ล้านบาทต่อแห่ง เทียบกับผู้ประกอบการรายอื่นๆที่ลงทุนซื้อที่ดินและลงทุนสถานีบริการน้ำมันครบวงจรเป็นเงิน 40-50 ล้านบาทต่อแห่ง ส่วนแผนระยะยาวบริษัทฯตั้งเป้าหมายว่าในปี 2565 จะเพิ่มกำไรจากธุรกิจ non-oil ให้มีสัดส่วน 60% และลดสัดส่วนกำไรของธุรกิจสถานีบริการน้ำมันเหลือสัดส่วน 40% ซึ่งจะลดความเสี่ยงจากธุรกิจสถานีบริการน้ำมันที่มีกำไรต่ำมาก รวมทั้งตั้งเป้าเพิ่มจำนวนผู้ถือบัตรพีที แมกซ์ เป็น 18 ล้านบัตร