HoonSmart.com>>นักวิเคราะห์ประสานเสียงเตือนระวังตลาดใกล้พีก ดัชนีวิ่งเข้าเป้าสิ้นปีแล้ว บล.ทิสโก้แนะกลยุทธ์ หาจังหวะขายล็อกกำไร เทรดดิ้งรายตัว เป้าปีหน้า 1,500 จุด แจกตัวเป้าหมายเม็ดเงินต่างชาติ BBL-KKP-EGCO-GPSC-RATCH-CPN-LH-BEM-BTS-BDMS หุ้นมีโอกาสขยับเป้ากำไร ACE-FPT-GUNKUL-III, JMART-SF-TFG บล.ไทยพาณิชย์คาดดัชนี 1,375 จุด อาจจะเป็นจุดสูงสุดรอบนี้ ขายรอไปซื้อใหม่แถว 1,260-1,280 จุด กบข.เพิ่มพอร์ตลงทุนหุ้นจาก 10% ขึ้นเป็น 15.6%
วันที่ 19 พ.ย. ตลาดหุ้นไทยโดดเด่นกว่าต่างประเทศที่ติดลบเป็นส่วนใหญ่ โดยดัชนีปิดที่ 1,369.42 จุด +4.83+0.35% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 82,325.27 ล้านบาท นักต่างชาติพลิกกลับมาขาย 982.59 ล้านบาท ส่วนค่าเงินบาทอ่อนลง 30.41 บาทต่อดอลลาร์
บล.ไทยพาณิชย์ คาดดัชนีมีโอกาสขึ้นในระยะสั้นจำกัด โดยจุดสูงสุดบริเวณ 1,375 ที่ทำไว้ในช่วงเช้าวันที่ 19 พ.ย. มีโอกาสเป็นจุดสูงสุดของรอบนี้ และยังมองดัชนีจะเข้าสู่ช่วงพักตัว กรอบล่างระยะสั้นในช่วงบ่ายที่ 1,360 หากต่ำกว่าจะเห็นการอ่อนตัวชัดขึ้น มีแนวรับถัดไปที่ 1,350 จุด กลยุทธ์คงพอร์ตหลักที่ 50% ส่วนพอร์ตเก็งกำไร เน้นขายทำกำไร และรอกลับเข้าซื้อใหม่บริเวณ 1,260-1,280 จุด
มุมมองตรงกับบล.ทิสโก้ โดยนายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ กล่าวว่า บล.ทิสโก้ยังคงเป้าหมายดัชนีปีนี้ไว้ที่ 1,370 จุด ใกล้เคียงกับผลสำรวจความเห็นของ IAA เมื่อวันที่ 1 ต.ค.ที่เฉลี่ย 1,347 จุด ซึ่งแสดงถึงโอกาสการปรับขึ้นในระยะสั้นเริ่มมีอย่างจำกัดแล้ว ประกอบกับการแพร่ระบาดโควิดในสหรัฐฯ ที่ยังรุนแรงอยู่ แม้มีเม็ดเงินต่างประเทศไหลเข้ามาลงทุนก็ตาม อย่างไรก็ตามหุ้นที่คาดว่าจะเป็นเป้าหมายรับเงินทุนไหลเข้ารอบนี้ กลุ่มแบงก์ ได้แก่ BBL และ KKP กลุ่มพลังงาน ได้แก่ EGCO, GPSC และ RATCH กลุ่มอสังหานิมทรัพย์ ได้แก่ CPN และ LH กลุ่มขนส่ง ได้แก่ BEM, BTS และ อื่นๆ ได้แก่ BDMS
นอกจากนี้ บล.ทิสโก้ยังมีมุมมองเป็นบวกกับหุ้นที่กำไรไตรมาส 3/63 ดีกว่าคาด และตลาดมีโอกาสปรับประมาณการขึ้น คือ ACE, FPT, GUNKUL, III, JMART, SF , TFG และเก็งกำไรหุ้นเข้าดัชนีต่างๆ เช่นมีโอกาสย้ายเข้า SET50 มีมุมมองบวกกับหุ้น BAM มีโอกาสเข้า SET100 คือDCC, หุ้นที่มีโอกาสเข้าดัชนี MSCI Global Standard แนะนำ STGT และหุ้นที่มีโอกาสย้ายเข้า ดัชนี MSCI Small Cap แนะนำ RBF
“ผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 3/2563 บริษัทจดทะเบียนมีกำไรสุทธิรวม 1.47 แสนล้านบาท ลดลงมากถึง 31% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง 23% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน พบว่ามีหลายตัวดีกว่าคาด ในอนาคตนักวิเคราะห์ในตลาดมีโอกาสปรับเพิ่มประมาณการกำไรบจ. “นายอภิชาติกล่าว
ส่วนแนวโน้มตลาดในปีหน้า คาดดัชนีเป้าหมาย 1,500 จุด เงินไหลเข้าภูมิภาคแต่อาจไหลเข้าไทยไม่ต่อเนื่องเท่า เพราะมีปัจจัยทางการเมืองถ่วงอยู่
บล.เคจีไอ(ประเทศไทย)โอกาสสูงขึ้นที่ดัชนีจะแกว่งตัวขึ้นได้แม้ว่า valuations จะค่อนข้างตึงตัว และดัชนีฯ สูงกว่าเป้าหมายปีนี้ที่มองไว้ 1,360 จุดไปแล้วก็ตาม คาดไว้ที่ 1,360 จุด
ด้านน.ส.ศรีกัญญา ยาทิพย์ เลขาธิการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เปิดเผยว่า ในช่วงโควิด-19 แพร่ระบาดหนัก กบข.ได้ลดพอร์ตลงทุนในหุ้นลงเหลือ 10% ของพอร์ตลงทุนทั้งหมด และเพิ่มการลงทุนในตราสารหนี้เป็น 70% ปัจจุบันสถานการณ์ต่างๆ เริ่มกลับมาดีขึ้น กบข.ปรับเพิ่มการลงทุนในหุ้นอยู่ที่ 15.6% และลดลงทุนในตราสารหนี้เหลือ 65% คาดว่าหวังผลตอบแทนในปีนี้ยังคงเป็นบวกได้
ส่วนในปี 2564 ก็ยังคงบวกได้ต่อเนื่องและให้ความสำคัญในการลงทุนในหุ้นอยู่ แต่จะเน้นไปลงทุนในหุ้นต่างประเทศ โดยเฉพาะตลาดจีน และอาเซียน ที่ยังให้ผลตอบแทนที่ดี ขณะเดียวกันจะตั้งทีมเฉพาะกิจขึ้นมาดูแลเรื่องการบริหารความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน เพื่อให้การลงทุนในต่างประเทศได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่ามากที่สุด