HoonSmart.com>>”บัตรกรุงไทย” ยอมรับผลงานปี 63 ลดลงจากปีก่อน เจอมาตรการลดดอกเบี้ยของธปท. กระทบรายได้-กำไรเดือนละ 100 ล้านบาท ไตรมาส 4 รับเต็มๆ ส่วนสินเชื่อส่วนบุคคล-บัตรเครดิตพลิกเป็นโตติดลบ ดูแลเอ็นพีแอลลดลง หวังโค้งสุดท้ายผลงานใกล้เคียงเดิมมากที่สุด
นายระเฑียร ศรีมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บัตรกรุงไทย (KTC) เปิดเผยว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง ทั้งในธุรกิจบัตรเครดิต และสินเชื่อส่วนบุคคล ตามมาตรการของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ส่งผลกระทบต่อรายได้และกำไรของบริษัทฯ ประมาณ 100 ล้านบาทต่อเดือน โดยในไตรมาส 3/63 กระทบไป 2 เดือน (ส.ค. และก.ย.) ทำให้มีกำไรสุทธิ 1,221 ล้านบาท และคาดว่าจะกระทบต่อเนื่องถึงไตรมาส 4 เต็มไตรมาส คาดว่ากำไรสุทธิทั้งปี 2563 จะลดลงจากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 5,524.07 ล้านบาท ทั้งนี้ในงวด 9 เดือนแรกปีนี้มีกำไรสุทธิ 4,011 ล้านบาท ลดลง 193 ล้านบาทหรือประมาณ 4.6%จากช่วงเดียวกันปีก่อนมีกำไรสุทธิ 4,205 ล้านบาท
“เราคาดว่ากำไรสุทธิปีนี้จะลดลงแน่นอน หากตัดไตรมาส 2 ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 เรายังมีผลประกอบการที่ดีกว่าปีก่อน คาดว่าปี 64 ภาพรวมธุรกิจจะเริ่มฟื้นตัวได้ดีขึ้น จากธุรกิจ KTC พี่เบิ้ม ถึงแม้ว่าปีนี้การปล่อยสินเชื่อทะเบียนรถยนต์จะเป็นไปตามคาด แต่ยังไม่สามารถชดเชยรายได้ที่หายไป เชื่อว่าอนาคตจะมีการเติบโตที่ดีได้แน่นอน ” นายระเฑียร กล่าว
ด้านธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคล คาดว่ายอดการปล่อยสินเชื่อในปีนี้จะติดลบ จากเดิมที่คาดว่าจะเติบโตประมาณ 10% ถึงแม้ว่าในช่วงเดือน พ.ย.-ธ.ค. จะเป็นช่วงที่เปิดภาคเรียนเทอม 2 จะมีลูกค้าใหม่ โดยบริษัทฯเข้มงวดเรื่องการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น เพื่อรักษาระดับหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) ไม่ให้เพิ่มขึ้น จากปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 1.9% และคาดว่า NPLs เริ่มลดลงได้ จากสัญญาณของคุณภาพพอร์ตสินเชื่อปีนี้ที่ดีกว่าปีที่แล้ว
ขณะที่ธุรกิจบัตรเครดิต คาดว่าจะติดลบประมาณ 8% ซึ่งมีโครงการภาครัฐต่างๆเข้ามาหนุน เช่น ช้อปดีมีคืน จ่ายคนละครึ่ง และเราเที่ยวด้วยกัน ที่จะเข้าหนุนการใช้จ่ายผ่านบัตร แต่ยังไม่เห็นสัญญาณการใช้ที่มีนัยสำคัญ คาดว่าในช่วงสิ้นปีนี้ จะเห็นภาพการใช้จ่ายมากขึ้น รวมถึงบริษัทมีการจัดโปรโมชั่นต่างๆ เพื่อสร้างยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรมากขึ้น ในช่วงเดือนสุดท้ายของปี คาดว่าจะมีการใช้จ่ายในแคมเปญ 12.12 และ IPhone 12 ที่จะวางขาย
“เราพยายามหาช่องทางการเติบโตเพิ่มขึ้น ทั้งธุรกิจที่เราเข้าไปถือหุ้น เพื่อขยายฐานลูกค้าให้มากขึ้น โดยต้องดูแลอัตราผลตอบแทนที่ดีต่อผู้ถือหุ้น คาดว่าจะดูแลให้รายได้และกำไรสุทธิใกล้เคียงกับปีก่อนให้มากที่สุด” นายระเฑียร กล่าวทิ้งท้าย