เอเซียพลัส มองสงครามการค้าเกิดขึ้นแล้ว กระทบกำไรบจ.ปี2562-2563 กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์เจอหนักสุด ปรับลดเป้าหมายดัชนีหุ้นปีนี้ลงเหลือ 1,662 จุด เทียบกับตอนนี้เหลือกำไรไม่มาก ควรลดพอร์ตเหลือหุ้น 40%
บล.เอเชียพลัส (ASP) ปรับลดเป้าหมายดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปี 2561 เหลือ 1,662 จุด จากเดิม 1,722 จุด โดยมองว่าสงครามการค้าโลกเกิดขึ้นแล้ว กระทบกำไรตลาดจะลดลงชัดเจนมากขึ้นในปี 2562 และ 2563 นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิต่อเนื่องมานานกดดันค่าพี/อี ต่ำลง จึงลดเป้าหมายลงจากเดิม 16 เท่า เป็น 15 เท่า อ้างอิงกำไรต่อหุ้นปี 2561 ที่หุ้นละ 110.78 บาท
“ดัชนีหุ้นตอนนี้กับเป้าหมายใหม่ เหลือกำไรไม่มาก แนะลงทุนหุ้น 40% เน้นหุ้นอิงเศรษฐกิจในประเทศ และมีเกราะป้องกันจากดอกเบี้ยขาขึ้น ชอบ TTW, RATCH, BJC, DTAC, ADVANC, BBL, KBANK และ BH”
บล.เอเซียพลัสระบุว่า สงครามการค้าโลก กดดันเศรษฐกิจและการค้าโลกวงกว้าง ซึ่งธนาคารโลก คาดการกีดกันการค้าทุก 5 หมื่นล้านดอลลาร์จะกดดนการค้าโลก 9% จีนเป็นผู้นำเศรษฐกิจใน
เอเชีย จะกระทบเอเชียที่เป็นคู่ค้าหลักของจีน (สัดส่วน 50% ของการค้าขายของจีนทั่วโลก) และน่าจะกดดันความต้องการสินค้าโภคภัณฑ์ตามมา (น้ำมัน ถ่านหิน และปิโตรเคมีเป็นต้น)
ภาคส่งออกของไทยได้รับผลกระทบ จากการค้าขายกับจีน 18.1% แต่ค้าขายกับเอเชียสูงถึง 60% ภาคส่งออกจะกระทบมากที่สุด โดยเฉพาะชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ (HANA, KCE, DELTA, SVI)
ส่วนกลุ่มอาหารส่งออกกระทบน้อย เพราะเป็นสินค้าจำเป็น และฐานผลิตในจีนหรือยุโรป เพื่อจําหน่ายในประเทศ (CPF และ TU)
ส่วนเงินทุนที่ไหลออกจากไทยต่อเนื่องนับจากปี 2556 แม้มีการสลับซื้อในบางปี แต่ยอดซื้อสุทธิน้อยมาก ทำให้สัดส่วนการถือครองต่างชาติลดลงเหลือ 22.85% (หากรวมกับ NVDR ยังอยู่ที่ 30% แต่สะท้อนการลงทุนระยะยาว ลดลง) กดดัน P/E ตลาดหุ้นไทยลดลงเหมือนที่เกิดขึ้นในอดีต (แกว่งตัว 18.6-13.4 เท่าในปี 2556-2557 และ 17.74-8.97 เท่าในช่วงซับไพรม์)