HoonSmart.com>>บริษัทเอสซีจี แพคเกจจิ้ง (SCGP) ได้ฤกษ์เข้ามาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) วันที่ 22 ต.ค. 2563 ท่ามกลางภาวะตลาดไม่เป็นใจ และเป็นหุ้นขนาดใหญ่ที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด(มาร์เก็ตแคป) สูงถึง 1.5 แสนล้านบาท ราคาหุ้นวันแรกอาจจะขยับตัวช้า หรืออาจจะต่ำกว่าราคาเสนอขายประชาชนครั้งแรก ( IPO) ที่ 35 บาท /หุ้น ก็เป็นไปได้ เหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นกับหุ้นขนาดใหญ่ อย่าง บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น (CRC) ของ”กลุ่มจิราธิวัฒน์” และหุ้นบริษัทแอสเสท เวิรด์ คอร์ป (AWC) ของกลุ่ม “สิริวัฒนภักดี”
หุ้น CRC มีมาร์เก็ตแคปประมาณ 253,302 ล้านบาท ราคา IPO ที่ 42 บาท ราคาวันแรกปิดที่ 41.75 บาท นับตั้งแต่วันที่ 20 ก.พ.63 ที่ผ่านมา จนถึงวันนี้ ราคาเคยขึ้นไปสูงสุดเพียง 42.25 บาท และลงลึกที่สุดแตะ 20.70 บาทในช่วงโควิด-19 แพร่ระบาดหนักๆ เมื่อเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา หลังจากนั้นกระเตื้องขึ้น แต่ก็ยังซื้อขายต่ำกว่า IPO ปัจจุบันเปลี่ยนมือกันที่ 26.50 บาท (16 ต.ค.63)
ส่วนหุ้น AWC มีมาร์เก็ตแคปถึง 185,742 แสนล้านบาท เข้าซื้อขายเมื่อวันที่ 10 ต.ค. 2562 วันแรกราคาปิดที่ 6.05 บาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อยเทียบ IPO ที่ 6 บาท แต่ยังดีที่ราคาเคยขึ้นไปสูงสุด 6.80 บาท ให้โอกาสคนจองขายหุ้นออกไปได้บ้าง ก่อนที่จะเจอพิษโควิดดำดิ่งลงลึกที่สุด 2.70 บาท ในช่วงเดือนมี.ค.ที่ผ่านมาเช่นเดียวกัน ปัจจุบันฟื้นขึ้นมาปิดที่ระดับ 3.12 บาท
” หุ้นทั้งสองตัวรูดลงแรงประมาณ 50% เพราะธุรกิจค้าปลีกขายสินค้าหลายประเภทผ่านหลายช่องทางของ CRC และธุรกิจโรงแรม-อสังหาริมทรัพย์ของ AWC ได้รับผลกระทบเต็มๆ จากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ จากการล็อกดาวน์ประเทศไทย และหลายประเทศ เพื่อป้องกันการลุกลามโควิด-19 ทำให้ราคาหุ้นฟื้นตัวช้ากว่าหลายธุรกิจ แม้ว่า CRC ได้ปรับตัวก่อนที่จะเกิดวิกฤตครั้งนี้ ในฐานะผู้บุกเบิกธุรกิจค้าปลีกในรูปแบบ Omni-channel ในประเทศไทย ซึ่งช่วยเสริมสร้างเครือข่ายร้านค้าปลีกในการนำเสนอสินค้าและบริการแก่ผู้บริโภคได้โดยตรง และรัฐบาลได้ออกมาตรการกระตุ้นการช้อป การซื้อสินค้าหลายโครงการแล้วก็ตาม”
อย่างไรก็ตาม หวังว่า SCGP ที่จะเข้าซื้อขายในวันพฤหัสบดีนี้ ราคาวันแรกน่าจะแจกกำไรคนจองซื้อหุ้นบ้าง ในฐานะผู้นำบรรจุภัณฑ์ครบวงจรในอาเซียน ที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดรับเทรนด์ New Normal ผลการดำเนินงานขยายตัวที่ดี และยังมีโอกาสเติบโตก้าวกระโดดจากการซื้อกิจการทั้งในและตางประเทศ
แต่ก็ไว้ใจสถานการณ์ไม่ได้ เพราะหุ้นใหม่ที่เข้ามาซื้อขายในปี 2563 จำนวน 12 บริษัท นอกจาก CRC ที่สอบตกตัวแรก เมื่อเดือนก.พ. ตัวล่าสุด บริษัท สยามราชธานี ( SO) ที่เข้าซื้อขายเมื่อวันที่ 14 ต.ค. เปิดสวยงามที่ 6.70 บาท แต่กลับปิดที่ 6.40 บาท ต่ำกว่าราคาจองที่ 6.50 บาท และยังคงไหลลงต่อเนื่อง ปิดที่ 5.70 บาท ณ วันที่ 16 ต.ค.ที่ผ่านมา
บริษัทหลักทรัพย์ทรีนีตี้ ประเมินว่า หุ้น SCGP จะถูกนำเข้าคำนวณดัชนี SET 50 และ SET 100 ในวันแรก (22 ต.ค.) ทันที เพราะบริษัทมีมาร์เก็ตแคป 1.5 แสนล้านบาท หากเทียบกับราคา IPO ที่ 35 บาท ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์หุ้นที่มีมาร์เก็ตแคปมากกว่า 1% ของตลาดที่ระดับ 13.5 ล้านล้านบาท ทำให้หุ้นที่อยู่ใน SET 50 และ SET 100 ที่มีมาร์เก็ตแคปน้อยที่สุดถูกถอดออกไป ได้แก่ TCAP ใน SET 50 และ ERW ใน SET 100 จึงแนะนำให้หลีกเลี่ยงการลงทุนในหุ้น 2 ตัวนี้ต่อไป ทั้งนี้ประเมินจากข้อมูล ณ วันที่ 14 ต.ค. 2563
ขณะเดียวกันหุ้น WHA,IRPC และ BPP ก็มีโอกาสถูกถอดออกจากการคำนวณ SET 50 ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2564 และ หุ้น PSH,SGP,SIRI,AAV ก็จะถูกออกจาก SET 100 ดังนั้นจึงแนะนำให้หลีกเลี่ยงหุ้นเหล่านี้เช่นเดียวกัน