HoonSmart.com>> เจซีเค อินเตอร์เนชั่นแนล มั่นใจผลงานปี 2563 ดีกว่าปีก่อนหน้า เหตุเริ่มโอนห้องพักโครงการ ARTIZAN ราว 2,000 ล้านบาท จาก มูลค่าโครงการทั้งหมด 6,000 ล้านบาท พร้อมเสนอรัฐบาลคลอดมาตรการลดหย่อนภาษีสำหรับภาคอสังหาริมทรัพย์ หวังเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจให้พ้นบ่วงพิษโควิด-19
นายอภิชัย เตชะอุบล ประธานกรรมการและประธานกรรมการบริหารบริษัท เจซีเค อินเตอร์เนชั่นแนล (JCK) เปิดเผยว่า ผลประกอบการของบริษัทในปี 2563 คาดว่าจะเป็นที่น่าพอใจและดีกว่าปีที่ผ่านมา เนื่องจากจะรับรู้รายได้จากโครงการ ARTIZAN รัชดา มูลค่าโครงการ 6,000 ล้านบาท ซึ่งได้ขายไปแล้วประมาณเกือบ 90% และเริ่มโอนห้องพักให้แก่ผู้ซื้อไปแล้วตั้งแต่เดือนมิ.ย. 63 ปัจจุบันมียอดที่โอนไปแล้วกว่า 2,000 ล้านบาท
สำหรับสถานการณ์วิกฤตโควิด-19 ครั้งนี้ ส่งผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจของประเทศไทยมากกว่าวิกฤตครั้งไหน ๆ ในอดีตบางรัฐบาลเคยออกมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์โดยการลดค่าภาษีธุรกิจเฉพาะ จึงอยากจะให้รัฐบาลพิจารณาหยิบยกเอามาตรการดังกล่าวมาใช้อีกครั้งหนึ่ง และไม่ควรจำกัดมูลค่าของห้องชุดหรือบ้านพักอาศัยที่มีราคาไม่เกิน 3 ล้านบาทอย่างที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน
หากรัฐบาลประกาศให้ลดหย่อนค่าภาษีและค่าธรรมเนียมการโอนลงจะกระตุ้นให้เกิดการโอนอสังหาริมทรัพย์เพิ่มมากขึ้น จะส่งผลดีในทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ยังจะส่งผลดีไปยังบรรดาห้องพักในคอนโดมิเนียม และบ้านพักอยู่อาศัยที่ก่อสร้างเสร็จแล้วที่มีอยู่กว่า 500,000 หน่วย จะดึงดูดใจให้มีการซื้อขายเพิ่มมากขึ้นด้วย ประมาณการว่าในส่วนนี้มีมูลค่ามากกว่า 2 ล้านล้านบาท เม็ดเงินที่ได้รับมาจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศได้เป็นอย่างมาก จึงขอให้รัฐบาลพิจารณาดำเนินการอย่างเร่งด่วน
นายอภิชัยได้กล่าวเพิ่มเติมว่า ในส่วนของนิคมอุตสาหกรรมทีเอฟดีนั้น ขณะนี้มีนักลงทุนชาวจีนให้ความสนใจที่จะเข้ามาดูพื้นที่ค่อนข้างมาก เพียงแต่ติดปัญหาเรื่องการเดินทางจะต้องถูกกักตัว 14 วัน และเมื่อเดินทางกลับจะต้องถูกกักตัวอีก 14 วัน ทำให้เป็นอุปสรรคต่อการเดินทางเข้ามาเจรจาธุรกิจเป็นอย่างยิ่ง หากรัฐบาลพิจารณาเรื่องการกักตัวให้เหลือเพียง 7 วันหรือยกเว้นการกักตัวโดยให้ตรวจสอบว่าผู้ที่จะเดินทางเข้ามาไม่ติดเชื้อโควิต 19 จากต้นทางก่อนเดินทาง 72 ชั่วโมงน่าจะเพียงพอแล้ว
นอกจากนี้ นักลงทุนหลายรายอยากจะย้ายฐานการผลิตเข้ามาลงทุนในประเทศไทย เนื่องจากมีความพร้อมที่จะรองรับความต้องการได้เป็นอย่างดี เหนือกว่าประเทศคู่แข่งอย่างลาว กัมพูชา หรือเวียดนาม แต่สิ่งที่ยังดึงดูดใจนักลงทุนไม่เพียงพอก็คือ สิทธิประโยชน์ต่างๆทางด้านภาษีที่นักลงทุนได้รับมีน้อยกว่าประเทศคู่แข่ง จึงอยากให้รัฐบาลให้พิจารณาทบทวนในเรื่องสิทธิประโยชน์ให้กับนักลงทุนให้ใกล้เคียงหรือเหนือกว่าประเทศคู่แข่ง ไม่ว่าจะเป็นในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) หรือสิทธิประโยชน์ของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เพื่อจูงใจให้นักลงทุนเหล่านั้นเข้ามาลงทุนในประเทศไทย