HoonSmart.com>>ตลาดตราสารหนี้ไตรมาส 3 ดีขึ้น ขายหุ้นกู้ 2.14 แสนล้านบาท มั่นใจทั้งปีนี้เข้าเป้าหมาย 8 แสนล้านบาท กลุ่มพลังงาน โดยเฉพาะพลังงานทดแทนเป็นพระเอกระดมทุนมากสุด ส่วนอสังหาริมทรัพย์เริ่มกลับมายื่นขอไตรมาส 4 เห็นปรากฎการณ์ รัฐ-เอกชน แห่ออกตราสาร ESG ในช่วงวิกฤตสร้างโอกาสให้นักลงทุนทั่วไปได้ซื้อหุ้นกู้ที่มีอันดับเครดิตสูงๆ เม็ดเงินต่างชาติกลับเข้ามาแล้ว จับตาพันธบัตรจีนได้เพิ่มน้ำหนักคำนวณดัชนีต่างๆ กดดันตลาดไทย
นายธาดา พฤฒิธาดา กรรมการผู้จัดการ สมาคมตราสารหนี้ไทย แถลงสรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ไตรมาส 3/2563 มีการออกหุ้นกู้มูลค่า 2.14 แสนล้านบาท ดีขึ้นเทียบกับไตรมาสแรก 1.5 แสนล้านบาท และไตรมาสที่ 2 จำนวน 1.67 แสนล้านบาท รวม 9 เดือนมูลค่าประมาณ 5.3-5.4 แสนล้านบาท คาดว่าจะทั้งปีถึงเป้าหมาย 8 แสนล้านบาท โดยไตรมาสสุดท้ายจะต้องทำให้ได้ 2 แสนล้านบาท
การออกหุ้นกู้ในปีนี้ลดลงค่อนข้างมาก เทียบระดับ 4 ปีที่แล้ว ใกล้เคียงกับปี 2559 จากปี 2562 สร้างสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ นอกจากนี้กลุ่มธุรกิจที่ออกจำนวนมากก็เปลี่ยนแปลงจากเดิมในปีนี้เป็นกลุ่มพลังงาน โดยเฉพาะกลุ่มพลังงานทดแทน เช่น บริษัทปตท.(PTT) ไม่ได้ออกมา 3 ปีก็กลับมา แต่ตอนนี้เริ่มเห็นอสังหาริมทรัพย์เริ่มกลับมายื่นขอออกใหม่ในไตรมาสที่ 4
“ท่ามกลางวิกฤตก็เป็นโอกาส มีการขายหุ้นกู้ให้ประชาชนเพิ่มขึ้น จากสัดส่วน 14% ปีก่อน เป็น 28% ที่ผ่านมาได้ยินสิ่งบ่นเสมอ รายย่อยไม่เคยมีโอกาสซื้อหุ้นกู้ดีๆ ที่มีเรทติ้งสูง ตอนนี้กลับมาขายประชาชนมากขึ้น สวนใหญ่เป็นเครดิตสูงๆ เช่น A- ขึ้นไป แม้ยอดการออก หุ้นกู้เอกชนจะลดลง ส่วนระดับเครดิต BBB+ BBB- เพิ่มขึ้นเล็กน้อย ออกตัวสั้นลดลง โดยแบงก์ และเรียลเซคเตอร์ กลุ่มธนาคารน่าจะลดการออกหุ้นกู้ระยะสั้นมากที่สุด เพราะสภาพคล่องล้น จากเงินฝากที่เพิ่ม ทำให้ความจำเป็น ในการออกหุ้นกู้น้อยลง”นายธาดากล่าว”
ขณะเดียวกันในช่วงวิกฤต มีการออกตราสารหนี้เพื่อความยั่งยืนมากขึ้น( ESG) เช่น กรีนบอนด์ ในปี 2561 ออกทั้งปี 1 หมื่นล้านบาท ปี 2562 ออก 3 หมื่นล้านบาท และ 9 เดือนแรกปีนี้ ระดมเกือบ 5 หมื่้นล้านบาท เติบโต 60% และเป็นครั้งแรกที่ภาครัฐ นำโดยกระทรวงการคลังขาย ถึง 3 หมื่นล้านบาท ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรหรือธกส. ออกกรีนบอนด์ การเคหะแห่งชาติ เป็นโซเชียลบอนด์ รวมถึงกลุ่มปตท. คือ บริษัท ปตท. และบริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ (GPSC ) ออกกรีนบอนด์ นำไปใช้เกี่ยวกับการอนุรักษ์พลังงาน ส่วนช่วงที่เหลือมีบริษัทอย่างน้อย 2 แห่ง จะออกกรีนบอนด์ คือ RATCH และ BTS ออกรายละ 8,000 ล้านบาท
สำหรับต้นทุนดอกเบี้ยหุ้นกู้ สำหรับเรทติ้งดี เฉลี่ย 2.12% อายุ 5 ปี ระดับ A ก็เริ่มลดลง ส่วนระดับ BBB และ BBB+ เริ่มทรงตัว ไม่เพิ่มหรือลดลง เทียบกับเมื่อช่วงต้นปี เครดิตสเปรด คืออัตราดอกเบี้ยที่จะต้องบวกจากพันธบัตรรัฐบาล หุ้นกู้ AAA จะต้องบวก 0.63% พบสิ่งที่ผิดปกติ จนถึงกลางเดือนมี.ค. เครดิตสูงๆ ลดลงคล้ายพันธบัตรรัฐบาล แต่หลังจากเกิดการแห่ไถ่ถอนหน่วยลงทุน ต้องขายตราสารหนี้ออกไป
นายธาดากล่าวถึงการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติว่า ปีก่อนไหลออกมูลค่า 1.3 แสนล้านบาท ปีนี้จนถึงสิ้นเดือนพ.ค. ก็ยังไหลออกอย่างต่อเนื่อง ในเดือนมิ.ยเริ่มกลับมารวม 4 เดือนไหลเข้ามาสุทธิ ยกเว้นเดือนส.ค. ที่ไหลออกเพียง 2 พันล้านบาท แสดงว่าต่างชาติเริ่มกลับมา ลงทุนในตัวยาวมากกว่าสั้น เพราะสั้นยังขายสุทธิอยู่ เงินไหลเข้ามาเพราะดอกเบี้ยของไทยยังค่อนข้างสูง เทียบอัตราผลตอบแทนกับเงินเฟ้อยังเป็นบวก และสูงกว่าต่างประเทศ ขณะที่สภาพคล่องของโลกยังล้นอยู่ ต้องหาที่ลงทุน อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันพันธบัตรจีนได้รับการเพิ่มน้ำหนักในการคำนวณดัชนีต่างๆ อาจจะทำให้พันธบัตรไทยมีน้ำหนักลดลงโดยปริยายในช่วงที่เหลือของปีนี้