HoonSmart.com>> CEO “เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย” เชื่อนักลงทุนต่างชาติไล่ซื้อ ดันราคาหุ้นวิ่งชนซิลลิ่ง 2 วันติด หลังโชว์บริหารจัดการต้นทุนลิขสิทธิ์ที่มีประสิทธิภาพ หนุนอัตราการทำกำไรขั้นต้นได้ดีกว่าเป้าหมาย มั่นใจผลักดันยอดขายเติบโต ด้านยอดลูกหนี้การค้าในไตรมาส 3/63 แนวโน้มลดลงต่อเนื่อง
จักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย (JKN) ผู้นำการจัดจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ระดับสากล เปิดเผยว่า ราคาหุ้นของ JKN ที่ปรับตัว ขึ้นวิ่งชนซิลลิ่ง 2 วันติดต่อกัน โดยมีราคาหุ้น ณ วันที่ 9 ก.ย.ที่ผ่านมาอยู่ที่ 8.10 บาท ซึ่งเป็นผลมาจากนักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศที่ไล่ซื้อหุ้นบนกระดานหลักทรัพย์ เนื่องจากมีความเชื่อมั่นในศักยภาพการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ในปีนี้ที่คาดว่าจะเติบโตได้ดี โดยบริษัทฯ ได้รับอานิสงส์ที่สวนกระแสจากสถานการณ์การแพร่ระบาด COVID-19 ทำให้สามารถจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศได้มากขึ้น
ขณะเดียวกัน JKN ได้มุ่งเน้นการบริหารจัดการด้านค่าใช้จ่ายสำหรับการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะการบริการจัดการต้นทุนค่าลิขสิทธิ์ ส่งผลให้สามารถสร้างรายได้จากการจำหน่ายลิขสิทธ์ได้สูงขึ้น รวมถึงมีการบริหารความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนที่เหมาะสม ส่งผลให้อัตราการทำกำไรขั้นต้นเฉลี่ยในปีนี้คาดว่าจะสูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้อยู่ที่ 40% ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการเติบโตของผลการดำเนินงาน JKN ในปีนี้ได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้ บริษัทฯ จะมีการบริหารจัดการลูกหนี้การค้าทั้งจากในและต่างประเทศอย่างเหมาะสม จากการดำเนินนโยบายเร่งรัดบริหารลูกหนี้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะเห็นได้ว่าหนี้คงค้างจากลูกหนี้การค้าทั้งในและต่างประเทศลดลง ตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา โดยคาดว่าในไตรมาส 3/63 ลูกหนี้การค้าจะลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่ง ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2563 มีลูกหนี้การค้าอยู่ที่ประมาณ 1,747 ล้านบาท และ ณ วันที่ 14 สิงหาคม ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้รับการชำระหนี้คงค้างจากลูกหนี้เพิ่มเติมอีก 284 ล้านบาท เป็นผลให้ลูกหนี้การค้าลดลงตามลำดับ
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ JKN กล่าวว่า แผนดำเนินงานช่วงที่เหลือของปีนี้ บริษัทฯ ยังคงรุกขยายตลาดต่างประเทศเพิ่มเติม โดยล่าสุด บริษัทฯ ได้ส่งมอบลิขสิทธิ์คอนเทนต์ซีรีส์ละครไทยจากช่อง 3 ให้แก่ TV5 ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้จัดรายการฟรีทีวี ช่องหลักของประเทศฟิลิปปินส์ จำนวน 3 เรื่อง ได้แก่ ปดิวรัดา เพลิงนรีและทองเนื้อเก้า รวมถึงการจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ซีรีส์อินเดียและฟิลิปปินส์ให้แก่ มาเลเซีย และกลุ่มประเทศใน CLMV หรือ กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมาร์ รวมถึงเวียดนามได้เพิ่มเติม
นอกจากนี้ เจเคเอ็นยังอยู่ระหว่างลงนามสัญญากับลูกค้าในลาตินอเมริกา และเจรจากับลูกค้าในหลายประเทศ ได้แก่ บรูไน ไต้หวัน ศรีลังกา และบังคลาเทศ ส่งผลให้รายได้จากตลาดต่างประเทศจะเป็นตัวขับเคลื่อนการเติบโตในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ ในขณะที่ ลูกค้าทีวีดิจิทัลในประเทศ ยังสั่งซื้อลิขสิทธิ์คอนเทนต์ซีรีส์อินเดียและฟิลิปปินส์เพิ่มอย่างต่อเนื่องเช่นกัน