“นพ.สิทธวีร์ -นพกฤษฎิ์” คู่หูดูโอ้นักธุรกิจ ซัคเซสมอร์ บีอิ้งค์

HoonSmart.com>>18 ส.ค.นี้ บริษัท ซัคเซสมอร์ บีอิ้งค์ (SCM) จะเซ็นสัญญาแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายหุ้นสามัญจำนวน 150 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท เดินหน้าเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ประกาศความสำเร็จของการเป็นธุรกิจเครือข่ายขายตรง MLM แห่งแรกที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

เบื้องหลังความสำเร็จไม่ใช่ใครอื่นใดไปได้ นอกจากคู่หูดูโอ้ 2 นักธุรกิจผู้บริหารและผู้ก่อตั้ง นพ.สิทธวีร์ เกียรติชวนันต์ ประธานกรรมการบริหาร และนพกฤษฎิ์ นิธิเลิศวิจิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร แห่ง SCM ทั้ง 2 เป็นเพื่อนกันตั้งแต่เรียนชั้นประถมถึงมัธยม ก่อนแยกย้ายกันไปเรียนต่อป.ตรี และกลับมาร่วมก่อตั้ง SCM

นพ.สิทธวีร์ เล่าให้ฟังถึงสายสัมพันธ์เพื่อนรัก ก่อนที่ทั้งคู่จะมาจับมือทำธุรกิจขายตรงที่ประสบความสำเร็จในระดับท็อปเทนของประเทศ ทำยอดขายต่อปีไม่ต่ำกว่าพันล้านบาททุกวันนี้ ว่า เป็นเพื่อนรักที่กินนอน และร่ำเรียนหนังสือด้วยกันมาตั้งแต่วัยเด็ก บ้านเกิดของพวกเขาคืออำเภอเบตง จังหวัดยะลา ได้รับการขนานนามจากกลุ่มเพื่อนฝูงว่า เป็นคู่มหัศจรรย์ เห็นคนหนึ่งก็จะต้องเห็นอีกคนหนึ่ง มีความใกล้ชิดสนิทสนมกันมาก ทั้งคู่เติบโตมาจากครอบครัวที่มีฐานะยากจน ครอบครัวของนพ.สิทธวีร์ เป็นร้านโชห่วยประจำหมู่บ้าน ขายของชำสารพัดประเภทกะปิ น้ำปลา น้ำตาล น้ำมัน ข้าวของเครื่องใช้ ฯลฯ

ส่วนครอบครัวของ นพกฤษฏิ์ เป็นชาวสวนยาง ทั้งคู่ก็เหมือนเด็กชาวบ้านทั่วไป คือ เรียนหนังสือพร้อมกับการช่วยเหลืองานในบ้าน อย่างนพกฤษฎ์ เล่าให้ฟังว่าตอนเด็ก ๆ ต้องช่วยพ่อแม่กรีดยาง ทำมาตั้งแต่ป.4

เมื่อจบม.ศ.5 จากโรงเรียนในบ้านเกิดแล้ว ต่างคนต่างแยกย้ายกันไปเรียนหนังสือ แต่ก็ยังติดต่อกันตลอด นพกฤษฎิ์ ทำงานส่งตัวเองเรียน จนจบคณะบริหารธุรกิจมหาวิทยาลัยรามคำแหง จากนั้นศึกษาต่อที่สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ ด้านการจัดการการเงิน จบแล้วทำงานด้านสินเชื่อโครงการขนาดใหญ่ที่ธนาคารกรุงไทย ต่อมาย้ายมาเป็นผู้อำนวยการสินเชื่อที่บริษัท บางกอกเงินทุน

ขณะที่นพ.สิทธวีร์ จบแพทย์ศาสตร์บัณฑิต คณะแพทยศาสตร์ศิริราช พยาบาลมหาวิทยาลัยมหิดล รวมทั้งจบหลักสูตรได้รับวุฒิบัตรเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านหู คอ จมูก คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล และหลักสูตรเวชศาสตร์ผิวพรรณ สถาบันเวชศาสตร์สุขภาพและผิวพรรณ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง

เริ่มทำงานใช้ทุนที่โรงพยาบาลรามัน จ.ยะลา จากนั้นเป็นแพทย์ประจำบ้าน ภาควิชาโสตศอนาสิกที่โรงพยาบาลศิริราชในช่วงหนึ่ง รวมทั้งเป็นแพทย์อาสาสมเด็จพระศรีนครินราบรมราชชนนี ระหว่างปี 2534-2554 ด้วย

ระหว่างที่ทำงานด้านการแพทย์ ยังมีความสนใจในธุรกิจขายตรง ตัดสินใจเป็นนักธุรกิจเครือข่าย ควบคู่กับการเป็นแพทย์ เส้นทางอาชีพที่สองประสบความสำเร็จเกินคาด สามารถทำรายได้จากยอดขายระดับมากกว่า 1 ล้านบาทต่อเดือน จาก 3 บริษัทต่างชาติที่เข้ามาทำตลาดในไทย

นพ.สิทธวีร์ เล่าว่า 3 บริษัทต่างชาติ ที่ได้มีโอกาสร่วมงานธุรกิจขายตรง ได้แก่ บริษัท ตาอิเตียน โนนิ อินเตอร์เนชั่นแนล, บริษัท เอเจล เอ็นเตอร์ไพรส์ และบริษัท บีฮิป โกลบอล ทั้งหมดเป็นเครือข่ายเอ็มแอลเอ็มเกี่ยวกับสินค้าด้านสุขภาพและความงาม ไม่นับเอ็มแอลเอ็ม สัญชาติไทยเคยร่วมงานกันมาบ้าง เช่น แอมเวย์

โดยในปี 2543 ยังได้ชวนเพื่อนรักนพกฤษฏิ์ มาร่วมธุรกิจเครือข่ายด้วยดำรงตำแหน่งเซลล์ไดเร็คเตอร์ (บีฮิปฯ) ทำหน้าที่ผลักดันทีมและยอดขายระดับ 1 ล้านบาทต่อเดือน

“ผมสนใจทำธุรกิจเครือข่าย เนื่องจากเห็นว่าเป็นช่องทางรายได้ที่ดี รวมทั้งได้มีโอกาสเดินทางท่องเที่ยว (ฮา)”

การทำธุรกิจเครือข่ายของคุณหมอ ไม่เพียงเป็นช่องทางการสร้างรายได้ และโอกาสได้ไปท่องเที่ยวเท่านั้น แต่สิบหกปีที่อยู่ในแวดวงขายตรง ยังเป็นช่องทางให้คุณหมอได้เรียนรู้จุดอ่อน ของธุรกิจเครือข่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ ตกผลึกแล้วตัดสินใจทำธุรกิจเครือข่ายของตนเอง จับมือกับคู่หู นพกฤษฏิ์ ก่อตั้ง SCM ขึ้นในปี 2556 โดยทั้งคู่ประสานความเชี่ยวชาญซึ่งเป็นจุดแข็งของแต่ละคน

นพ.สิทธวีร์ ใช้ความเป็นเอกด้านวิสัยทัศน์ นพกฤษฏิ์ ใช้ความเป็นหนึ่งด้านทักษะการพูดและพัฒนาตนเอง ร่วมกันผลักดัน SCM จนมียอดขายระดับพันล้าน ภายในระยะเวลาเพียง 8 ปีที่ก่อตั้ง

นพกฤษฏิ์ เล่าว่า คุณค่าหลักของ SCM คือ การสร้างโอกาสทางธุรกิจเพื่อยกระดับของผู้คน จากหมอที่ตั้งรับความเจ็บป่วยอยู่ในโรงพยาบาล ก็รุกสู่การให้ความรู้ประชาชน ได้มีความรู้ความเข้าใจเรื่องอาหารเสริม เพื่อป้องกันและดูแลตัวเองได้ การป้องกันย่อมดีกว่าการรักษา นี่คือคุณค่าของ SCM ในการสร้างโอกาสแก่ทุกคน ทั้งด้านสุขภาพและในด้านของรายได้

“ซัคเซสมอร์บีอิ้งค์ สำหรับผม เป็นเสมือน 2 สถาบันหลักคือ  1.สถาบันการดูแลสุขภาพ 2.สถาบันการพัฒนาศักยภาพ เราดูแลผู้คนที่เข้ามา ให้เหมาะสมกับความหวังของเขา นั่นคือ 3 กลุ่มสมาชิก ประกอบด้วย 1.นักขยายเครือข่าย 2.นักขาย และ3.ผู้บริโภค เราดูแลทุกกลุ่มอย่างมืออาชีพ” นพกฤษฏิ์เล่า

สำหรับ SCM มีผลิตภัณฑ์ทั้งหมด 70 รายการ จัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคและบริโภคผ่านเครือข่ายนักธุรกิจในประเทศ โดยมีผลิตภัณฑ์อาหารเสริมสุขภาพเป็นหลัก 70% ส่วนที่เหลือเป็นสินค้าใช้ส่วนตัว 9% สกินแคร์ 5% สินค้าในครัวเรือน 1-2% สินค้าเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร 8-9% และสินค้าเทคโนโลยี 3% สินค้าส่วนใหญ่ผลิตและควบคุมคุณภาพโดยโรงงานผลิตของบริษัทฯเอง

นอกจากนี้ยังดำเนินธุรกิจให้บริการคำปรึกษาในการดำเนินธุรกิจเครือข่ายและรับจัดงานสัมมนาด้วย

ปัจจุบันบริษัทฯ มีสมาชิกแอคทีฟรวมกว่า 180,000 ราย จัดอยู่ในกลุ่มท็อปเทนหรือหนึ่งในสิบของธุรกิจเครือข่ายที่มียอดขายสูงสุด โดยสร้างยอดขายต่อปีประมาณ 1,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 1% จากตลาดในประเทศ 70,000 ล้านบาท ยังมีโอกาสเติบโตอีกมาก

ขณะที่ทิศทางและแนวโน้มการขยายตัวของธุรกิจก็สดใส โดยเฉพาะช่วงโควิด-19 ระบาด ผู้คนหันมาให้ความสนใจกับอาหารเสริม รวมทั้งอนาคตสังคมสูงวัยที่ประชากรส่วนใหญ่ใช้จ่ายเพื่อดูแลสุขภาพตนเอง

นอกจากนี้ ตลาดต่างประเทศก็มีความต้องการสูง ซัคเซสมอร์บีอิ้งค์ ขยายตลาดในกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน กัมพูชา ลาว เวียดนาม มาเลเซีย สิงคโปร์ มียอดส่งออกประมาณ 7% โดยเฉพาะเมียนมาร์ที่ทำยอดขายสูงสุด และทำส่วนต่างกำไรสูงสุด

ทั้งนี้ผลการดำเนินงานในปี 2562 มียอดขายรวม 1,055 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 59 ล้านบาท ยอดขายรวมลดลงจากปีก่อนจำนวน 1,500 ล้านบาท เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซา และตลาดใหญ่เมียนมาร์หยุดชะงักธุรกิจ จากกฎหมายธุรกิจขายตรงของเมียนมาร์

สำหรับวัตถุประสงค์การเพิ่มทุนครั้งนี้ เพื่อขยายและปรับปรุงสาขาใหม่ จากปัจจุบันมีทั้งหมด 23 สาขาทั่วประเทศ จำนวนสาขาที่ขยายเพิ่ม ขึ้นอยู่กับกลยุทธ์และยุทธศาสตร์แผนการตลาด และส่วนหนึ่งใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน พัฒนาสินค้าใหม่ การสต็อกสินค้าและการพัฒนาเทคโนโลยี ดิจิทัล เพื่อสนับสนุนการขาย

ผู้หูดูโอ ฝากถึงนักลงทุน คือ จุดแข็งของบริษัทฯ ได้แก่ 1.การมีระบบการพัฒนาคนที่ดีแต้มต่อที่จำเป็นของธุรกิจเครือข่าย ในการขับเคลื่อนศักยภาพคนด้วยมายด์เซ็ตที่ถูกต้อง และการพัฒนาทักษะผู้นำ ภายใต้โครงการซัคเซสมอร์ลีดเดอร์ชิพ อคาเดมี (Successmore Leader Ship Academy-SLA)

2.การมีโรงงานผลิตของตัวเอง ทำให้สามารถบริหารต้นทุนที่ถูกลง กำหนดราคาขายเพื่อการแข่งขันได้ 3.ความแข็งแกร่งของแบรนด์ SCM และ 4.การมีวัฒนธรรมองค์กรที่เข้มแข็ง

“เรามีโฟกัสที่ชัดเจน นั่นคือ การเป็นโค้ชไลฟ์ด้านสุขภาพ เราดูแลสุขภาพผู้คน ขณะเดียวกัน ก็ยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนไปพร้อมกัน วันนี้เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในฐานะเอ็มแอลเอ็ม แห่งแรกของประเทศ จากพาร์ทเนอร์ชิพสู่การเป็นเจ้าของกิจการ ก็หมายถึงโอกาสของสมาชิก SCM ทุกคน รวมทั้งนักลงทุนผู้ถือหุ้นที่จะได้ร่วมกันขับเคลื่อนสู่ความสำเร็จที่มากขึ้น ๆ ซัคเซสมอร์บีอิ้งค์”นพ.สิทธวีร์กล่าว

ด้าน นพกฤษฏิ์ กล่าวถึง จุดแข็ง SCM ว่า เป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเทรนด์กระแสหลัก ได้แก่ การดูแลสุขภาพ และความต้องการเป็นเจ้าของกิจการของตัวเอง เทรนด์ทั้งสองมีแนวโน้มการขยายตัวสูง โดยบริษัทฯมีจุดเด่นชัดเจนทั้งแผนการดำเนินธุรกิจและเป้าหมายการเติบโต หวังว่านักลงทุนจะได้ศึกษาข้อมูลอย่างเปิดใจ มองเห็นในศักยภาพของเรา

จุดเด่นของธุรกิจเครือข่าย ย่อมคือความแข็งแกร่งของคน ความแข็งแกร่งด้านศักยภาพของทีม ดูจากผู้ก่อตั้งทั้งสองก็รู้แล้วว่าแข็งแกร่งขนาดใด ทั้งคู่ทำธุรกิจด้วยกันมาอย่างยาวนาน นี่คือข้อพิสูจน์

ขณะเดียวกันก็ท้าทายข้อเปรียบเปรยที่ว่า เพื่อนกันทำธุรกิจด้วยกันแล้วไม่แคล้วขาดจากความเป็นเพื่อน ทั้งคู่ใช้หลักไม่ทะเลาะกัน ไม่เอารัดเอาเปรียบ ไม่ยึดถือตัวเองเป็นใหญ่ หากให้เกียรติและฟังซึ่งกันและกัน

ไม่เพียงเป็นเพื่อนรักและเพื่อนสนิทในทางธุรกิจเท่านั้น หากภรรยาของเพื่อน ก็เพื่อนคนนี้ที่หาให้ “กมลทิพย์ เกียรติชวนันต์” ภรรยาแสนสวยของนพ.สิทธวีร์ นั้น ได้รับการแนะนำให้รู้จักกันโดยนพกฤษฏิ์ โดยเป็นสาวงามสายแบงก์ และเป็นเลขานุการของเจ้านายที่ธนาคารกรุงไทย ที่วันหนึ่งได้มีโอกาสแนะนำให้รู้จักกัน คบหาพัฒนาจนเป็นความรัก ได้สมรสสมรักกันมาจนถึงทุกวันนี้