HoonSmart.com>> บลจ.ไทยพาณิชย์ จับตาความตึงเครียดระหว่างสหรับฯกับจีนทวีความรุนแรง หวั่นลุกลามกระทบเศรษฐกิจโลก แนะเสริมพอร์ตด้วยกองทุนประเภท Income Fund เน้นลงทุนสินทรัพย์ที่สามารถสร้างกระแสเงินสดได้อย่างสม่ำเสมอ ชู 2 กองทุน SCBMPLUSA – SCBPLUS ทางเลือกลงทุน หากรับความเสี่ยงปานกลางค่อนข้างต่ำ ต้องการสภาพคล่อง แนะ SCBFP
นายณรงค์ศักดิ์ ปลอดมีชัย ประธานเจ้าหน้าที่ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยถึงภาพรวมการลงทุนว่า ถึงแม้ตลาดหุ้นส่วนใหญ่ปรับตัวดีขึ้นจากการที่ธนาคารกลางและรัฐบาลทั่วโลกได้อัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบอย่างต่อเนื่องและคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในระดับต่ำ รวมถึงการที่หลายประเทศไม่ว่าจะเป็นเกาหลีใต้และจีนที่สามารถรับมือกับการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ในระลอกสองได้ดี สะท้อนให้เห็นจากการฟื้นตัวของดัชนี PMI ของประเทศส่วนใหญ่ที่ปรับตัวขึ้นอย่างชัดเจน
อย่างไรก็ตามแต่สิ่งที่น่าจับตามากที่สุดในขณะนี้คือความตึงเครียดระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ที่ยังคงทวีความรุนแรง โดยล่าสุดประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ประกาศที่จะแบนการใช้แอปพลิเคชัน TikTok บริษัท ByteDance ของจีน และแอปพลิเคชันส่งข้อความ WeChat ของบริษัท Tencent เครือบริษัทยักษ์ใหญ่ของจีน โดยกำหนดจะแบนภายในวันที่ 15 ก.ย. 2020 นี้ ซึ่งเหตุการณ์นี้อาจส่งผลให้สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนให้ลุกลามยิ่งขึ้น และอาจส่งผลกระทบในวงกว้างต่อเศรษฐกิจทั่วโลกได้
“บลจ.ไทยพาณิชย์ ยังคงมองว่าในสภาวะเช่นนี้ยังเป็นโอกาสที่ดีสำหรับการลงทุน แต่แนะนำให้นักลงทุนทำการลงทุนด้วยความระมัดระวังโดยขอให้จัดพอร์ตเพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยง และมีสัดส่วนในสินทรัพย์ที่สามารถสร้างรายได้ให้กับพอร์ตได้เพื่อลดความผันผวนของพอร์ตการลงทุนโดยรวม”นายณรงค์ศักดิ์ กล่าว
สำหรับประเภทกองทุนที่เหมาะสมสำหรับสถานการณ์การลงทุนดังกล่าว คือ กองทุน Multi Asset Income ซึ่งเป็นกองทุนรวมผสมที่เน้นกระจายการลงทุนในหลากหลายประเภทสินทรัพย์ เน้นเลือกตราสารหรือกองทุนคุณภาพดีในแต่ละประเภทสินทรัพย์ทั้งในและต่างประเทศ โดยลงทุนในตราสารหนี้ซึ่งมีความผันผวนต่ำและยังลงทุนในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน และกองทุนรวม Income-focused strategy ซึ่งสามารถช่วยสร้างกระแสเงินรับสม่ำเสมอระหว่างทางการลงทุนให้แก่พอร์ตลงทุน รวมถึงช่วยเพิ่มโอกาสให้พอร์ตได้รับอัตราผลตอบแทนที่สูงกว่าการลงทุนในตราสารหนี้เพียงอย่างเดียว โดยเฉพาะในช่วงที่ดอกเบี้ยนโยบายอยู่ในระดับต่ำ
บลจ.ไทยพาณิชย์ แนะนำ 2 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ มัลติ อินคัมพลัส (SCBMPLUSA) จัดเป็นกองทุน 5 ดาว ประเภท Thailand Fund Aggressive Allocation ของมอร์นิ่งสตาร์ (ข้อมูล ณ วันที่ 31 ก.ค. 2563) ปัจจุบันมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิกว่า 15,138 ล้านบาท (ที่มา: www.scbam.com ข้อมูล ณ วันที่ 10 ส.ค. 2563) และกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ อินคัมพลัส (SCBPLUS) จัดเป็นกองทุน 4 ดาว ประเภท Thailand Fund Aggressive Allocation ของมอร์นิ่งสตาร์ (ข้อมูล ณ วันที่ 31 ก.ค. 2563) เน้นบริหารเพื่อสร้างรายได้ระหว่างทางและมีการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติให้ผู้ลงทุนอย่างสม่ำเสมอ ปัจจุบันมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิกว่า 45,409 ล้านบาท (ที่มา: www.scbam.com ณ วันที่ 10 ส.ค. 2563)
นอกจากนี้ นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ในระดับปานกลางค่อนข้างต่ำและต้องการสภาพคล่อง ทางบริษัทฯ ได้แนะนำ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ตราสารหนี้ พลัส (SCBFP) เน้นลงทุนในเงินฝาก ตราสารหนี้ที่มีคุณภาพ และให้ผลตอบแทนที่ดีทั้งในและ/หรือต่างประเทศ เช่น ตราสารหนี้ภาคเอกชน ภาครัฐ สถาบันการเงินและหรือตราสารหนี้ที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารที่อยู่ในระดับที่สามารถลงทุนได้ และลงทุนในต่างประเทศไม่เกินร้อยละ 20 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ มีการบริหารแบบเชิงรุก (Active Management) เพื่อโอกาสสร้างผลตอบแทนที่สูงขึ้น
ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้จัดแคมเปญพิเศษสำหรับการลงทุนผ่านแอปพลิเคชัน SCBAM Fund Click ตั้งแต่วันนี้ – 31 สิงหาคม 2563 จะได้รับคืนค่าธรรมเนียมการซื้อ (Front-end) ที่ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับมูลค่าเงินลงทุนในส่วนที่ไม่เกิน1 ล้านบาท โดยจะคืนเป็นหน่วยลงทุนกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ ตราสารหนี้ระยะสั้น (SCBSFF) ภายในวันที่ 30 กันยายน 2563 โดยใช้มูลค่าหน่วยลงทุน (NAV) ณ สิ้นวันทำการวันที่ 25 กันยายน 2563 ในการจัดสรร