BAY ชี้เงินบาททรงตัวหลังกนง.คงดอกเบี้ย แนวโน้มผันผวนมากขึ้น

HoonSmart.com>> “กรุงศรี” เผยเงินบาททรงตัว หลังกนง.คงดอกเบี้ยตามคาด มองแนวโน้มเงินบาทผันผวนมากขึ้น พร้อมคาดคงดอกเบี้ย 0.50% ในช่วง 2-3 ไตรมาสข้างหน้า

กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) เปิดเผยว่า ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ที่มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 0.50% ตามที่ตลาดคาดไว้ นับเป็นครั้งที่สองติดต่อกันที่กนง. มีมติคงดอกเบี้ยนโนบาย ส่งผลให้เงินบาททรงตัวที่ระดับ 30.99 ต่อดอลลาร์ นับตั้งแต่ต้นปี เงินบาทอ่อนค่าลงราว 3.2% จากภาวะเงินทุนไหลออกและยอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัดที่ปรับลดลง

กนง.ย้ำว่า ค่าเงินบาทมีความผันผวนเพิ่มมากขึ้นตั้งแต่การประชุมครั้งก่อนและกลับมาแข็งค่าตามการอ่อนค่าของดอลลาร์ รวมทั้งแสดงความกังวลต่อผลกระทบในทางลบของการแข็งค่าอย่างรวดเร็วของของเงินบาท ซึ่งกนง.จะยังจับตาดูอย่างใกล้ชิดและประเมินความจำเป็นที่ต้องดำเนินมาตรการเหมาะสมเพิ่มเติม

คณะกรรมการ กนง. ประเมินว่า เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวตามการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา หรือ COVID-19 ในประเทศและการทยอยฟื้นตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจทั่วโลก แต่ยังต้องระวังความเสี่ยงจากการระบาดระลอกสอง โดยกนง. คาดว่าต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2 ปี ที่กิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวมจะฟื้นตัวกลับสู่ระดับก่อนการแพร่ระบาด แต่การฟื้นตัวจะแตกต่างกัน โดยเฉพาะจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะฟื้นตัวช้ากว่าที่คาด ในด้านแรงกดดันด้านราคา อัตราเงินเฟ้อทั่วไปมีแนวโน้มติดลบในปีนี้ แต่มีแนวโน้มกลับสู่กรอบเป้าหมายในช่วงปี 2564 ตามการกระเตื้องขึ้นของราคาน้ำมันดิบ และกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ขณะที่สภาพคล่องในระบบยังมีสูงมาก ซึ่งต้องเร่งกระจายเงินทุนไปสู่ภาคธุรกิจและครัวเรือนที่ได้รับผลกระทบมากขึ้น

คณะกรรมการกนง. มีกำหนดการประชุมรอบถัดไปในวันที่ 23 กันยายน 2563 ซึ่งจะเป็นครั้งสุดท้ายสำหรับ ดร.วิรไท สันติประภพ ซึ่งจะครบวาระการดำรงตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในสิ้นเดือนกันยายน โดยกนง. ยังกล่าวย้ำถึงความพร้อมที่จะใช้เครื่องมือทางการเงินเพิ่มเติมถ้าจำเป็น การประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจของกนง. ในวันนี้แสดงถึงมุมมองในเชิงลบที่น้อยลงกว่าเดิม และสะท้อนแนวทางการสื่อสารในช่วงหลังๆ ของ ธปท.

ทั้งนี้ กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ มองว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายจะยังอยู่ที่ระดับ 0.50% ในช่วง 2-3 ไตรมาสข้างหน้า