รมว.พลังงาน ประเมินหากเกิดสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศอาจเห็นราคาน้ำมันดิบแตะ 90-100 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ย้ำตรึงดีเซลไม่เกิน 30 บาทต่อลิตรถึงสิ้นปี
นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รมว.พลังงาน เปิดเผยหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ว่า แม้ว่าขณะนี้ราคาน้ำมันดิบเบรนท์จะลดลงเหลือลง 75 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล แต่หากเกิดสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศ อาจได้เห็นราคาน้ำมันดิบเพิ่มเป็น 90-100 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล อย่างไรก็ตาม กระทรวงพลังงานได้เตรียมมาตรการที่จะตรึงราคาน้ำมันดีเซลให้อยู่ในระดับไม่เกิน 30 บาทต่อลิตร เพื่อตรึงค่าขนส่งและค่าโดยสารรถสาธารณะไว้ได้จนถึงสิ้นปี
นอกจากนี้ กบง.ยังรับทราบมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 19 มิ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งเห็นชอบให้ลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันไบโอดีเซลบี 20 ลง 70 สตางค์ต่อลิตร และเมื่อรวมกับการใช้กลไกกองทุนน้ำมันฯเข้าไปสนับสนุน จะทำให้ราคาน้ำมันไบโอดีเซลบี 20 ต่ำกว่าน้ำมันไบโอดีเซลบี 7 จำนวน 3 บาทต่อลิตร ขณะที่การส่งเสริมน้ำมันไบโอดีเซลบี 20 ภาครัฐตั้งเป้าดูดซับน้ำมันปาล์มดิบ (CPO) ออกจากระบบ 3-4 แสนตันต่อปี และทำให้ราคาผลปาล์มอยู่ที่ 3.5 บาทต่อกิโลกรัม
“จะเริ่มจำหน่ายน้ำมันไบโอดีเซลบี 20 ตั้งแต่วันที่ 2 ก.ค.นี้ เบื้องต้นผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา 7 จำนวน 7 ราย ตั้งสถานีบริการเป็นการเฉพาะให้แก่ผู้ประกอบการรถขนส่งสินค้า 24 รายทั่วประเทศ”นายศิริกล่าว
นายศิริ กล่าวว่า ภาครัฐยังคงตรึงราคาแอลพีจีครัวเรือน (ก๊าซหุงต้ม) ที่ระดับ 363 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม ไปจนกว่าราคาตลาดโลกจะลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
นายทวารัฐ สูตะบุตร ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กล่าวว่า กองทุนน้ำมันฯจะเข้าไปอุดหนุนราคาน้ำมันไบโอดีเซลบี 20 เป็นเงินรวม 3,000 ล้านบาท โดยเบื้องต้นคาดว่าจะใช้เงินอุดหนุน 4.8 ล้านบาทต่อเดือน จากปริมาณการใช้น้ำมันไบโอดีเซลบี 20 ประมาณ 1.5 ล้านลิตรต่อเดือน
ณ วันที่ 24 มิ.ย. กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง มีเงิน 30,352 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินกองทุนในส่วนของน้ำมัน 30,179 ล้านบาท เงินกองทุนในส่วนของก๊าซแอลพีจี 173 ล้านบาท