HoonSmart.com>>ฟิทช์ปรับแนวโน้มอันดับเครดิตอิออน ธนสินทรัพย์ “เป็นลบ” เชื่อว่าสถาบันการเงินไทยกำลังเผชิญความเสี่ยงสูงขึ้น จากเศรษฐกิจตกต่ำแรงด้านหุ้นแบงก์ใหญ่ขยับขึ้น นักลงทุนหันมาสนใจ เพราะถูก ราคารับรู้กำไรแย่ไตรมาส 2 แล้ว
บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) ประกาศปรับแนวโน้มอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว ของบริษัท อิออน ธนสินทรัพย์ (ไทยแลนด์) หรือ AEONTS เป็น “ลบ” จาก ” มีเสถียรภาพ” และคงอันดับเครดิตที่ ‘A-(tha)’
แนวโน้มอันดับเครดิตเป็นลบ สะท้อนถึงมุมมองของฟิทช์ที่เชื่อว่าสถาบันการเงินในประเทศไทยกำลังเผชิญความเสี่ยงที่สูงขึ้น ท่ามกลางสภาพแวดล้อมในการดำเนินงานอ่อนแอ่ลงอย่างมาก เนื่องจากเศรษฐกิจจะหดตัวลงแรง 5.1%ในปี 2563 และยังคงมีสัดส่วนหนี้สินครัวเรือนในระดับค่อนข้างสูง ส่งผลให้มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นในภาวะที่อัตราการจ้างงานหรืออัตราค่าจ้างปรับตัวแย่ลงอย่างมากเป็นเวลาต่อเนื่อง
ส่วนการคงอันดับเครดิตแม้ว่าสภาพแวดล้อมในการดำเนินงานจะมีความท้าทายเพิ่มขึ้น สะท้อนถึงการที่ฟิทช์เชื่อว่าสถานะทางเครดิตของ AEONTS น่าจะสามารถทรงตัวได้ ปัจจัยสนับสนุนจากเครือข่ายธุรกิจและยังมีฐานะเงินกองทุนและสภาพคล่องที่สามารถรองรับความเสี่ยงได้ในระดับที่เพียงพอ
AEONTS เป็นหนึ่งในบริษัทที่ประกอบธุรกิจสินเชื่ออุปโภคบริโภคที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และมีความชำนาญในธุรกิจสินเชื่อบุคคลที่ไม่มีหลักประกัน โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดสำหรับบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลค่อนข้างสม่ำเสมอที่ประมาณ 9%-10% ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ความแข็งแกร่งของเครือข่ายธุรกิจ (franchise) ของ AEONTS ยังได้รับการสนับสนุนจากการที่บริษัทมีเครือข่ายสาขาที่ครอบคลุมทั่วประเทศและมีระบบการบริหารความเสี่ยงที่ดี ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากบริษัทแม่ในประเทศญี่ปุ่น
ฟิทช์เชื่อว่าการแพร่ระบาดของโคโรน่าไวรัสจะส่งผลให้สภาพแวดล้อมในการดำเนินงานปรับตัวอ่อนแอ่ลงอย่างมาก โดยเศรษฐกิจ (GDP) จะหดตัวลง 5.1% ในปี 2563 ซึ่งจะเป็นระดับที่ต่ำที่สุดตั้งแต่วิกฤติเศรษฐกิจในเอเชียปี 2540-2541 อีกทั้งประเทศไทยยังคงมีสัดส่วนหนี้สินครัวเรือนในระดับค่อนข้างสูง (ที่ประมาณ 80 % ของ GDP ณ สิ้นปี 2562) ซึ่งจะส่งผลให้มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นในภาวะที่อัตราการจ้างงานหรืออัตราค่าจ้าง (employment and wages) มีการปรับตัวแย่ลงอย่างมากเป็นเวลาต่อเนื่อง
ฟิทช์คาดว่าสภาพแวดล้อมในอนาคตและแนวโน้มผลประกอบการของสถาบันการเงินไทยได้อ่อนแอลงไปอย่างมากแล้ว โดยเฉพาะในภาคธุรกิจสินเชื่อเพื่อการอุปโภคบริโภค ซึ่งรวมถึง AEONTS น่าจะต้องเผชิญกับแนวโน้มคุณภาพสินทรัพย์และรายได้ที่แย่ลง แม้ว่าทางการจะมีมาตรการผ่อนปรนในด้านการจัดชั้นสินเชื่อและการปรับโครงสร้างหนี้ ซึ่งอาจช่วยชะลอผลกระทบต่อคุณภาพสินทรัพย์ได้บ้าง แต่ไม่น่าจะป้องกันการด้อยลงของคุณภาพสินทรัพย์โดยรวมที่ได้ และฟิทช์เชื่อว่าสินเชื่อด้อยคุณภาพจะเผชิญแรงกดดันเพิ่มขึ้นในช่วง 2 ปีข้างหน้า
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นวันที่ 27 พ.ค. ดัชนีปรับตัวขึ้น 9.02 จุด ปิดที่ 1,345 จุด นำโดยหุ้นธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ ราคาหุ้น BBL ทะลุ 100 บาท ปิดที่ 102.50 บาท บวก 4.06% และ KBANK ปิดที่ 90.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.55% ทั้งสองแบงก์ซื้อขายที่ P/E ประมาณ 5 เท่า และ P/BV เพียง 0.50 เท่า จากราคายังปรับตัวขึ้นน้อยกว่าตลาด เพราะความกังวลเรื่องผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 2/2563 จะตกต่ำรุนแรง แต่ราคารับข่าวร้ายไปแล้ว