“จอมทรัพย์ โลจายะ” ยันไม่มีปัญหาเรื่องเงินลงทุนก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานลมในเวียดนามขนาดกำลังการผลิตรวม 240 เมกะวัตต์ เหตุพันธมิตรรับเหมาก่อสร้างจากจีนซัพพอร์ตเงินทุนก่อสร้าง 100% เฟสแรกเปิดกลางปี 61 ประเมินอัตราผลตอบแทนจาการลงทุนสูง 15-18 %
นายจอมทรัพย์ โลจายะ ประธานคณะกรรมการ บริษัท ซุปเปอร์บล๊อก จำกัด (มหาชน) หรือ SUPER เปิดเผยถึงการลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมในประเทศเวียดนาม ขนาดกำลังการผลิตรวม 240 เมกะวัตต์ โดยเป็นการก่อสร้างในพื้นที่ทะเลชายฝั่งเวียดนาม ซึ่งเงินลงทุนในการก่อสร้างทั้งหมด 100% ได้รับการสนับสนุนจากพันธมิตรที่เป็นผู้รับเหมาก่อสร้างจากสาธารณรัฐประชาชนจีน สำหรับการก่อสร้างโปรเจ็กต์ดังกล่าวจนแล้วเสร็จ และสามารถจ่ายไฟเข้าระบบในเชิงพาณิชย์ (COD)ได้เรียบร้อย
โครงการดังกล่าวแบ่งออกเป็นสองเฟส เฟสแรกมีกำลังการผลิต 142 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่ที่เมือง Bac Lieu คาดว่าจะใช้เงินลงทุนก่อสร้างราว 12,500 ล้านบาท ส่วนเฟสสองมีกำลังการผลิต 98 เมกะวัตต์ อยู่ที่เมือง Soc Trang คาดว่าจะใช้เงินลงทุนก่อสร้างราว 8,500 ล้านบาท โดยพันธมิตรจากจีนจะเป็นผู้ทำ turn-key ทั้งหมด และเมื่อโรงไฟฟ้าพลังงานลมจ่ายไฟฟ้าได้แล้ว บริษัทฯจะดำเนินการ ใช้เงินสถาบันการเงินเพื่อชำระคืนให้กับพันธมิตรรายดังกล่าว
ทั้งนี้ เฟสแรกจะเริ่มก่อสร้างได้ในช่วงกลางปี 2561 เป็นต้นไป และจะเริ่มรับรู้รายได้จากการจ่ายไฟเข้าระบบในเชิงพาณิชย์ (COD) ในปี 2562-2563 และจากการประเมินอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนในส่วนของทุน (EIRR) อยู่ที่ 15-18-% ซึ่งถือเป็นระดับที่ดีมาก
“การลงทุนร่วมกับพันธมิตรเวียดนามด้านพลังงานลม 240 เมกะวัตต์ครั้งนี้ ถือเป็นใบเบิกทางแรกในการบุกตลาดเวียดนาม หลังจากที่ได้ทำ MOA ไว้จำนวน 700 เมกะวัตต์ และสำหรับการลงทุนในครั้งนี้ เราไม่คิดที่จะรบกวนเงินในกระเป๋าของผู้ถือหุ้นแต่อย่างใด ส่วนที่มีข่าวลือว่าผมจะทิ้งบริษัทฯ เป็นเรื่องที่ไม่มีมูลความจริงเลย ผมและคนในครอบครัวยังคงถือหุ้นใหญ่ใน SUPER และในฐานะผู้บริหารเอง ผมมีความตั้งใจที่จะผลักดันให้บริษัทฯ ก้าวสู่ความเป็นผู้นำธุรกิจพลังงานทดแทนในภูมิภาคเอเชียภายในปี 2563 เป็นบริษัทที่ดี มีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีและมั่นคงให้แก่ผู้ถือหุ้นทุกคน ส่วนโครงการนี้เป็นการก่อสร้างในพื้นที่ทะเลชายฝั่งเวียดนาม เงินลงทุนในการก่อสร้างทั้งหมด 100% มีผู้รับเหมาจากจีนให้การสนับสนุนจนกว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จพร้อม COD”
นายจอมทรัพย์ กล่าวถึงความคืบหน้าในการจัดตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน (อินฟราสตรัคเจอร์ฟันด์) ว่าถึงแม้จะจัดตั้งได้ล่าช้ากว่าแผนงานที่วางไว้ แต่จะไม่ส่งผลกระทบต่อแผนขยายธุรกิจ และแผนการบริหารจัดการทางการเงินของบริษัทฯ ทั้งนี้ SUPER มีแผนที่จะตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐานมูลค่า 9,000-10,000บาท โดยมีธนาคารกรุงเทพ (BBL) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน ขณะนี้อยู่ระหว่างการเตรียมข้อมูลเพื่อเสนอต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) หากหลักเกณฑ์ต่างๆมีความพร้อม บริษัทฯก็สามารถยื่นจัดตั้งได้ทันที เพื่อเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการขยายการลงทุนในอนาคต