HoonSmart.com>>ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) หรือ แบงก์ชาติตอบคำถามเกี่ยวกับกองทุนเพื่อรักษาสภาพคล่องของการระดมทุนในตลาดตราสารหนี้ (BSF) วงเงิน 400,000 ล้านบาท ที่ออกมาเพื่อช่วยซื้อหุ้นของภาคเอกชนที่ต้องการ Rollover ภายใต้เงื่อนไขที่กำหนด เช่น หุ้นกู้ต้องมีอันดับความน่าเชื่อถือ ระดับ Investment Grade บริษัทจะต้องดำเนินการอย่างไรบ้าง คาดว่าจะมีคำขอใช้บริการไม่มาก
ถามถ้าหุ้นกู้จะครบดีลเดือน มิ.ย. หากไม่มั่นใจว่าจะ Rollover ได้หมด ผู้ออกหุ้นกู้ควรออกแต่เนิ่นๆ หรือไม่ เพราะดูเหมือนกระบวนการขอให้ BSF รับซื้อ ต้องใช้เวลา
ตอบการออกหุ้นกู้เพื่อ rollover แต่เนิ่นๆ ถือเป็นสิ่งที่บริษัทควรปฏิบัติในการบริหารสภาพคล่อง อย่างไรก็ดีการดำเนินการดังกล่าวมีต้นทุนต่อบริษัทหากออกล่วงหน้านานเกินไป
กองทุน BSF ให้ความยืดหยุ่นแก่บริษัทที่จะมาขอรับความช่วยเหลือจากกองทุน โดยในวันที่มาขอรับความช่วยเหลือ บริษัทสามารถยื่นเพียงประมาณการหุ้นกู้ที่จะออกใหม่ที่ประเมินว่าจะออกขายได้จริง มาเพื่อประกอบการพิจารณาของกองทุน BSF (บริษัทจะต้องยื่นขอรับความช่วยเหลือต่อกองทุนไม่น้อยกว่า 45 วันก่อนหุ้นกู้เดิมครบกำหนด) อย่างไรก็ตาม แม้กองทุน BSF อนุมัติให้ความช่วยเหลือแล้ว แต่บริษัทไม่สามารถออกหุ้นกู้ได้ตามที่ประเมินไว้ กองทุน BSF อาจพิจารณาทบทวนการให้ความช่วยเหลือ
ถาม สถานการณ์การซื้อ-ขายหุ้นกู้ตอนนี้เป็นอย่างไร การขายลดลงหรือเพิ่มขึ้น ความมั่นใจของนักลงทุนเป็นอย่างไร
ตอบ สถานการณ์การออกตราสารหนี้ในช่วงเดือนมีนาคมและเมษายนที่ผ่านมาถือว่ายังมีระดับใกล้เคียงกับในเดือนก่อนๆ แต่ผู้ออกตราสารหนี้ส่วนใหญ่เป็นบริษัทที่มีอันดับความน่าเชื่อถือ( credit rating) อยู่ในกลุ่ม A- ขึ้นไป ขณะที่กลุ่ม credit rating BBB+ ลงมามีการออกตราสารหนี้ลดลง เนื่องจากนักลงทุนบางส่วนมีความกังวลในฐานะการดำเนินงานของบางบริษัท ทำให้บางบริษัทไม่สามารถระดมทุนได้เต็มจำนวน แต่หลังจากที่มีการประกาศมาตรการกองทุน BSF นักลงทุนมีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้นสะท้อนจากอัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ภาคเอกชนที่ซื้อขายในตลาดรองมีความผันผวนลดลง
ถาม ธปท. ประเมินว่าเมื่อกองเปิด คาดจะใช้เงินเท่าไหร่ในการเข้าไปดูแลในช่วงระยะสั้นเช่น 1 เดือนนี้
ตอบแม้ว่าขนาดของกองทุนที่ตั้งไว้จะมีขนาด 400,000 ล้านบาท แต่ในเบื้องต้นคาดว่าความต้องการใช้เงินกองทุนจะไม่ได้สูงมาก เนื่องจากหลายบริษัทยังสามารถระดมทุนได้เอง ซึ่งหากระดมทุนจากตลาดตราสารหนี้ได้ไม่ครบทั้งจำนวน หลายบริษัทก็ยังมีช่องทางในการกู้เงินจากสถาบันการเงินอยู่ กองทุน BSF จึงน่าจะเป็นช่องทางสุดท้าย (last resort) ที่บริษัทจะเลือก เนื่องจากต้นทุนในการกู้ยืมจากกองทุน BSF จะสูงกว่าที่บริษัทจัดหาด้วยตัวเอง
ถาม ธปท. มองทิศทางการออกขายหุ้นกู้ของตลาดเป็นอย่างไร ภายใต้ความผันผวน และเอกชนจะออกลดลงหรือไม่
ตอบ คาดว่าความต้องการในการระดมทุนผ่านตลาดตราสารหนี้ภาคเอกชนจะยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี ภายใต้ความผันผวนจากเหตุการณ์ COVID-19 อาจส่งผลให้บางบริษัทไม่สามารถระดมทุนจากตลาดนี้ได้เหมือนช่วงก่อนหน้า แต่หากในอนาคตสถานการณ์ COVID-19 ดีขึ้น ธุรกิจต่างๆกลับมาดำเนินการได้ตามปกติ คาดว่าสถานการณ์การระดมทุนจะปรับดีขึ้นตามลำดับ
ถาม กองทุน BSF จำนวน 4 แสนล้านบาท ปัจจุบันมีความต้องการขอยื่นกู้มามากแค่ไหนแล้ว ถ้าผู้ออกหุ้นกู้ Rollover ได้ไม่ถึงครึ่ง แต่มูลค่าหุ้นกู้กลับสูงมากอาจกระทบตลาด ลักษณะนี้จะให้กู้ได้หรือไม่
ตอบตามประกาศคณะกรรมการกำกับกองทุน หากบริษัทไม่สามารถจัดหาเงินทุนจากแหล่งอื่นได้อย่างน้อย 50% จะไม่สามารถยื่นขอรับความช่วยเหลือจากกองทุน BSF ได้ อย่างไรก็ดีบริษัทที่ยอดคงค้างตราสารหนี้เดิมที่ครบกำหนดสูง มักจะเป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่มี credit rating ดี ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาบริษัทในกลุ่มนี้ยังมีความสามารถระดมทุนในตลาดตราสารหนี้ได้ อีกทั้งบริษัทเหล่านั้นมักมีช่องทางในการจัดหาเงินทุนผ่านสถาบันการเงินอีกทางหนึ่ง
ถาม ปริมาณหุ้นกู้ที่จะครบ Rollover ในเดือนพ.ค. – มิ.ย. หรือ ครึ่งแรกปีนี้มีมูลค่าเท่าไหร่ ธปท.ประเมินความเสี่ยงต่อระบบตลาดตราสารหนี้อย่างไร
ตอบในเดือน พ.ค. และ มิ.ย. มีหุ้นกู้ครบกำหนดรวมกันประมาณ 200,000 ล้านบาท โดยเป็นหุ้นกู้ที่มี credit rating สูงกว่า A- ขึ้นไป ประมาณ 68% ของหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดทั้งหมด และเป็นกลุ่ม BBB+ ถึงBBB- ประมาณ 22% ซึ่ง ธปท. จะมีการติดตามสถานการณ์ตลาดตราสารหนี้จะการ rollover ของหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดอย่างใกล้ชิด
ถาม ความช่วยเหลือตราสารหนี้ในส่วนแรก 1 ล้านล้านบาท ที่ให้ธนาคารพาณิชย์ช่วยซื้อสินทรัพย์จากกองทุนตราสารหนี้และมาขอความช่วยเหลือต่อจาก ธปท. ว่ามีธนาคารพาณิชย์เข้าช่วยซื้อสินทรัพย์หรือไม่ มีกองทุนใดที่ได้รับความช่วยเหลือแล้วบ้าง จำนวนเท่าไหร่
ตอบ ข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 24 เมษายน 2563 มียอดคงค้างธุรกรรม Mutual Fund Liquidity Facility (MFLF) สุทธิ 56,047 ล้านบาท โดยมีธนาคารพาณิชย์ที่ทำธุรกรรมกับ ธปท. 9 ราย และกองทุนที่ได้รับความช่วยเหลือกว่า 30 กองทุน ทั้ง ธปท. มีการประกาศยอดคงค้างธุรกรรม MFLF รายสัปดาห์โดยจะประกาศในวันทำการแรกของสัปดาห์ถัดไป
ถาม ความคืบหน้าความต้องการกู้กองทุน BSF จำนวน 4 แสนล้านบาท และกรณีบริษัทออกขายหุ้นกู้แต่ปิดการขายก่อน คำถามคือ ส่วนที่ขายไม่หมดจะขอกู้กองทุน BSF ได้หรือไม่ หรือมีแนวทางแนะนำอย่างไร เช่น บริษัทขายหุ้นกู้ จำนวน 5,000 ล้านบาท แต่ขายได้จริง 2,000 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะกู้ BSF ได้หรือไม่
ตอบ การพิจารณาให้ความช่วยเหลือของกองทุน BSF ต้องเป็นไปตามเงื่อนไข คือ
1) ต้องมีตราสารหนี้เดิมครบกำหนดและต้องการ rollover
2) ต้องจัดหาเงินทุนจากแหล่งอื่นให้ได้อย่างน้อย 50% ซึ่งประกอบด้วย
2.1) จะต้องออกหุ้นกู้ใหม่ให้แก่ประชาชนทั่วไปอย่างน้อย 20% และ
2.2) จะต้องจัดหาเงินทุนจากสถาบันการเงินอย่างน้อย 20%
3) บริษัทจะต้องเป็นบริษัทที่มีผลการดำเนินงานที่ดีและมีความสามารถในการชำระหนี้ โดยได้รับการจัดอันดับ credit rating ตั้งแต่ BBB- ขึ้นไป ซึ่งในกรณีที่ออกหุ้นกู้ 2,000 ล้านบาท เพื่อ rollover ที่ครบกำหนด 5,000 ล้านบาท จะถือว่าผ่านเงื่อนไขข้อ 2.1 เพียงข้อเดียว ซึ่งหากบริษัทสามารถผ่านเงื่อนไขข้ออื่นๆได้ครบถ้วน ก็จะเข้าข่ายที่จะได้รับความช่วยเหลือจากกองทุน BSF ได้
ถาม จำนวนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดปี 63 รบกวนแยกประเภทธุรกิจต่างๆ เช่น อสังหาริมทรัพย์ก่อสร้าง, บริการ/การผลิต/ประเมินแนวโน้มต้นทุนในการออกหุ้นกู้ หรือ Rollover ปีนี้อย่างไร
ตอบหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดในช่วงเดือน พ.ค. – ธ.ค. 63 รวมทุกประเภทธุรกิจ ประมาณ 670,000 ล้านบาท แยกประเภทธุรกิจหลักๆ ได้ดังนี้ ธนาคารและสถาบันการเงิน 220,000 ล้านบาท, อสังหาริมทรัพย์ 115,000 ล้านบาท, อาหาร 65,000 ล้านบาท และ พลังงาน 59,000 ล้านบาท เป็นต้น ทั้งนี้แนวโน้มต้นทุนการออกหุ้นกู้มีโอกาสปรับเพิ่มขึ้นจากผลประกอบการของบริษัทที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ประกอบกับความต้องการลงทุนของนักลงทุนบางกลุ่มอาจปรับลดลง เช่น กองทุนประกันสังคม เนื่องจากมีภาระค่าใช้จ่ายในการชดเชยการว่างงาน หรือประชาชนทั่วไป ที่อาจมีรายได้ลดลง ส่งผลให้มีเงินออมลดลง
ถาม พ.ร.ก. BSF มาตรา 20 กำหนดว่า ถ้าการไปช่วยซื้อหุ้นกู้เอกชนตาม พ.ร.ก. นี้แล้ว ถ้ามีกำไรเกิดขึ้นให้นำส่งเป็นรายได้แผ่นดิน แต่ถ้าขาดทุนเสียหายไป ให้กระทรวงการคลังชดเชยให้ ธปท. ไม่เกิน 40,000 ล้านบาท ทำไมกระทรวงการคลังถึงชดเชยแค่ 40,000 ล้านบาท และถ้าความเสียหายเกินที่กำหนด ธปท.จะทำอย่างไร
ตอบ การชดเชย 40,000 ล้านบาท คาดว่าจะครอบคลุมความเสียหายที่เกิดขึ้นภายใต้การให้ความช่วยเหลือในวงเงิน 400,000 ล้านบาท ตามวิธีคำนวณจากข้อมูลในอดีต แต่หากความเสียหายเกินกว่า 40,000 ล้านบาท ธปท. จะเป็นผู้รับความเสียหายดังกล่าว ซึ่งคณะกรรมการ ธปท. จึงมีการกำหนดกรอบการบริหารความเสี่ยงของกองทุนและมีกระบวนการรายงานความเสียหายให้คณะกรรมการทราบ