บล.ไทยพาณิชย์เตือนตลาดเสี่ยงสูง เล่นสั้นแนะแบงก์- รพ.-อิเล็กทรอนิกส์

HoonSmart.com>>บล.ไทยพาณิชย์ออกโรงย้ำเตือนนักลงทุนเพิ่มความระมัดระวัง ตลาดยังมีความไม่แน่นอนสูงเรื่องผลการดำเนินงานบจ. หากผิดคาด จะเกิดแรงขายรอบใหม่ กลยุทธ์ทยอยลงทุนเฉลี่ยต้นทุน สะสมกลุ่มที่ยังฟื้นตัวช้า อาหาร-วัสดุก่อสร้าง กลุ่มที่มีโอกาสเด้งช่วงสั้น โรงพยาบาล -ธนาคารพาณิชย์-อิเล็กทรอกนิกส์ หาปันผลสูงจากกองทุนอสังหาริมทรัพย์-REIT อย่าไล่ราคาปิโตรเคมี-พลังงาน-อสังหาริมทรัพย์ เผยนักลงทุนต่างชาติปรับพอร์ตลดหุ้นกลุ่มเชิงรับแล้ว

บริษัทหลักทรัพย์(บล.)ไทยพาณิชย์ออกบทวิเคราะห์แนะนำให้เพิ่มความระมัดระวังการลงทุน หลังจากตลาดหุ้นเริ่มสะท้อนว่าโควิด-19 จะควบคุมได้ และเศรษฐกิจจะฟื้นจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพราะหากผิดคาดจะเกิดแรงขายรอบใหม่ แนะนำให้ใช้กลยุทธ์ DCA (การลงทุนแบบถัวเฉลี่ยต้นทุน ) เป็นหลัก

นอกจากนี้ตลาดหุ้นที่ฟื้นตัวสะท้อนถึงงบปี 2564 ไปบ้างแล้ว เช่นตลาดหุ้นสหรัฐมองการฟื้นตัวจะกลับไปสู่จุดเดิมก่อนเกิดโควิดในปีหน้าแล้วราว 75% ส่วนตลาดหุ้นยุโรปสะท้อนความคาดหวังไปแล้ว 65% ตลาดเอเชียยังฟื้นตัวไม่มากนัก สะท้อนไปในราคาราว 40% ถือว่าต่ำกว่าตลาดอื่นพอสมควร ตลาดหุ้นไทยมีระดับ P/E เข้าใกล้ค่าเฉลี่ยแล้ว สะท้อนการฟื้นตัวไป 40-50% ใกล้เคียงตลาดเอเชีย แต่ความไม่แน่นอนในเรื่องผลการดำเนินงานยังคงสูง

ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นทั่วโลกและตลาดหุ้นไทยเพิ่มขึ้นได้ดี ต่างชาติเพิ่มสถานะการถือครองในหุ้นกลุ่มวัฎจักร เช่น เทคโนโลยี, วัสดุก่อสร้าง,การเงิน และมีการลดการถือครองในหุ้นกลุ่มเชิงรับ อย่างสินค้าจำเป็น ปัจจัย 4 , การแพทย์, ไอซีที สะท้อนภาพการเตรียมสําหรับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก

“ไม่แนะนำให้ไล่ราคาหุ้นที่มีการฟื้นตัวแรง กลุ่มที่มีเบต้าสูง อย่าง อสังหาริมทรัพย์,ปิโตรเคมีและพลังงาน แนะนำให้สะสมหุ้นที่มีการฟื้นตัวช้ากว่า เช่นกลุ่มอาหาร และวัสดุก่อสร้าง รวมทั้งยังมีโอกาสที่จะเปลี่ยนไปเล่นกลุ่มที่ยังไม่ฟื้น อย่าง กลุ่มโรงพยาบาล ธนาคารพาณิชย์ อิเล็กทรอกนิกส์ ยังสามารถคาดหวังการฟื้นตัวในระยสั้นได้และยังไม่สะท้อนภาพการฟื้นตัว รวมถึงกลุ่มกองทุนอสังหาริมทรัพย์ และ REIT ให้เน้นที่เงินปันผลเป็นสำคัญ”บล.ไทยพาณิชย์ระบุ

ด้านเศรษฐกิจ ล่าสุด Bloomberg Consensus ยังคงปรับลด GDP โลกจากต้นปีคาดว่าจะเติบโต 2.98% กลายเป็นหดตัว-0.60% ส่วนของไทยที่คาดว่าจะเติบโต 2.87% กลายเป็นหดตัว -0.56%  เศรษฐกิจไทยได้รับผลกระทบจากโควิดชัดเจนในตัวเลขกิจกรรมและความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจที่หดตัวอย่างมีนัย ในเดือนมี.ค. อาทิ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ดัชนีความเหมาะสมในการใช้จ่าย ปริมาณการใช้รถไฟฟ้าใต้ดินและทางด่วนที่ออกมาต่ำสุดเป็นประวัติการณ์

บล.ไทยพาณิชย์ยังมองว่า สถาบันจัดอันดับเครดิตจะยังทยอยทบทวนและออกมาปรับลดอันดับเครดิตของประเทศ และบริษัททั้งในไทยและทั่วโลกจากผลกระทบโควิด นับจากนี้ จึงยังคงเป็นประเด็นเสี่ยงที่นักลงทุนคงต้องจับตามองอย่างใกล้ชิดต่อไป

ธนาคารกสิกรไทย วิเคราะห์ว่า  สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ เอสแอนด์พี โกลบอล เรทติ้งส์ (S&P) ปรับแนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือของพันธบัตรรัฐบาลไทยลงมาเป็น “คงที่” จาก “บวก” หลังจากที่ปรับขึ้นมาเป็นบวกในวันที่ 13 ธันวาคม 2562 โดยในเวลานั้น S&P ประเมินว่าการเมืองไทยมีเสถียรภาพมากขึ้นภายหลังการเลือกตั้ง โดยคงอันดับความน่าเชื่อถือที่ BBB+ ซึ่งคาดว่าการปรับแนวโน้มความน่าเชื่อถือลงครั้งนี้จะส่งผลให้ค่าเงินบาทอ่อน และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสูงขึ้น