บริษัททริสเรทติ้ง ออกบทวิเคราะห์ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย พบว่าผู้ประกอบการจำนวน 22 ราย มียอดหุ้นกู้คงเหลืออยู่ที่ประมาณ 2.43 แสนล้านบาท หรือคิดเป็นประมาณ 60% ของหนี้สินทางการเงินโดยรวม จากข้อมูลของสมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย ณ วันที่ 30 มี.ค. 2563 พบว่ามีหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดชำระภายในปี 2563 มูลค่า 8.93 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นกู้ระยะสั้นจำนวน 2.34 หมื่นล้านบาท และหุ้นกู้ระยะยาว 6.59 หมื่นล้านบาท โดยประมาณ 50% จะครบกำหนดอายุไถ่ถอนในไตรมาส 2 นี้
แต่ปัจจุบันความต้องการลงทุนในหุ้นกู้เอกชนหายไป บริษัทส่วนใหญ่จึงต้องหันไปกู้ยืมเงินจากธนาคารแทน จากข้อมูลที่ทริสรวบรวมจากผู้ประกอบการ 22 รายที่ให้ทริสจัดเรทติ้งพบว่าหากไม่นับรวมกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน และถ้าสามารถต่ออายุหนี้เงินกู้ธนาคารที่มีอยู่ออกไปได้ ผู้ประกอบการทุกรายมีเงินสดคงเหลือในมือและวงเงินกู้พร้อมเบิกจากธนาคารเพียงพอที่จะรองรับการไถ่ถอนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดชำระในอีก 3 เดือนข้างหน้าได้ และประมาณครึ่งหนึ่งมีเงินสดคงเหลือและวงเงินกู้พร้อมเบิกเพียงพอสำหรับการไถ่ถอนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดภายในปีนี้
นอกจากนี้ “กองทุนเสริมสภาพคล่องเพื่อลดความเสี่ยงของการระดมทุนในตลาดตราสารสารหนี้ภาคเอกชน” ที่จะจัดตั้งขึ้นโดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชนคุณภาพดี (อันดับเครดิตตั้งแต่ระดับ BBB- ขึ้นไป) ที่ไม่สามารถต่ออายุตราสารหนี้ที่ครบกำหนดได้ครบทั้งจำนวนนั้นก็เป็นแหล่งเงินทุนอีกแหล่งหนึ่งที่จะช่วยลดความเสี่ยงในการกู้ยืมใหม่ของบริษัทเอกชนที่มีคุณภาพดีได้อีกด้วย
ณ สิ้นเดือนมี.ค. 2563 ลูกค้าของทริสฯจำนวน 22 ราย ได้รับการจัดอันดับเครดิตในระดับ “A” จำนวน 7 ราย ในระดับ “BBB” จำนวน 11 ราย และในระดับ “BB” จำนวน 4 ราย ส่วนบริษัทที่มีแนวโน้มอันดับเครดิตเป็นลบจำนวน 6 ราย ได้แก่ บริษัท อารียา พรอพเพอร์ตี้ (AREEYA) บริษัท แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์ (LPN) บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ (NOBLE) บริษัท มั่นคงเคหะการ (MK) บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ (ANAN) และ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค (PF)
อย่างไรก็ดี เนื่องจากสถานการณ์ยังมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ทริสจะคอยเฝ้าระวังและติดตามสภาพคล่องของผู้ประกอบการแต่ละรายอย่างสม่ำเสมอต่อไป
เหตุผลที่ทริสฯไม่นำกระแสเงินสดจากการดำเนินงานมาประเมินสถานการณ์หนี้ เพราะยังคงมุมมอง “ลบ” ต่อธุรกิจอสังหาฯ แม้ว่าการระบาดของไวรัส โควิด-19 จะไม่ได้ส่งผลกระทบโดยตรง แต่ก็สร้างความเสียหายเป็นอย่างมาก ทำให้เศรษฐกิจหดตัว หากสามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้ภายในครึ่งปีแรก คาดยอดขายที่อยู่อาศัยน่าจะยังลดลงประมาณ 20-30% จากปีก่อน ซึ่งอาจจะส่งผลต่อการรับรู้รายได้ในปีนี้และปีถัด ๆ ไปลดลงด้วย
ในปี 2563 ทริสมีความกังวลทั้งยอดขายใหม่และยอดโอนที่อยู่อาศัย ซึ่งยอดขายที่รอรับรู้เป็นรายได้ (Backlog) ของผู้ประกอบการโดยรวมลดลงตั้งแต่ปีที่ผ่านมา หลังจากยอดขายลดลงถึง 33% เป็นผลจากยอดขายคอนโดมิเนียมที่ลดลงถึง 39% และยอดขายบ้านแนวราบที่ลดลงกว่า 27% ทำให้ยอดขายคอนโดมิเนียมสะสมที่รอรับรู้เป็นรายได้ลดลงเกือบประมาณ 10% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าโดยมาอยู่ที่ 2.87 แสนล้านบาท โดยเฉพาะยอดขายให้ต่างชาติเหลือเพียง 2.5 หมื่นล้านบาท ลดลงเกือบ 60% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
“ความเสี่ยงที่เกิดจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ความรุนแรงยกระดับมากขึ้นในช่วงปลายเดือนก.พ. อาจส่งผลกระทบในด้านลบต่อรายได้และกระแสเงินสดจากการส่งมอบที่อยู่อาศัย ดังนั้นผู้ประกอบการจะต้องให้ความสำคัญเป็นอย่างมากกับการรักษาสภาพคล่องทางการเงินเป็นอันดับแรก เพราะความกลัวการแพร่ที่กินเวลายาวนานขึ้น ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนในหุ้นกู้ หันมาถือเงินสดและลังเลที่จะลงทุน แม้แต่ในหุ้นกู้ของบริษัทที่มีคุณภาพดี จึงส่งผลกระทบโดยตรงต่อบริษัทที่ต้องการออกหุ้นกู้ใหม่ เพื่อมาทดแทนหุ้นกู้เดิม ”
ในช่วงนี้เราได้เห็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์หลายแห่งเสนอขายหุ้นกู้ และเริ่มเห็นการระดมทุนได้น้อยกว่าจำนวนที่ต้องการเกิดขึ้นแล้ว
ล่าสุดบริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ ขายหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันได้เพียง 1,169.9 ล้านบาท จากที่เสนอขายรวมไม่เกิน 4,000 ล้านบาท แบ่งเป็น 2 รุ่น อายุ 2ปี 6 เดือน ผลตอบแทน 4.0% ต่อปี และอายุ 3 ปี 6 เดือน ผลตอบแทน 4.5% บริษัทได้เรทติ้ง BBB ซึ่งมั่นใจว่าเม็ดเงินที่ได้มาเพียงพอชำระหนี้และขยายธุรกิจ พร้อมเตรียมสภาพคล่องมาตั้งแต่ปีที่ผ่านมา มีเงินสดและเงินลงทุนระยะสั้นที่รวมโครงการร่วมทุนรวมทั้งสิ้น 14,800 ล้านบาท
บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ เตรียมจะเสนอขายนักลงทุนสถาบันและ/หรือรายใหญ่ ในวันที่ 20-22 เม.ย.นี้ แต่ยังระบุวงเงินที่เสนอขาย เป็นหุ้นกู้ อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ย 4.50% ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยทุกเดือน บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือ BBB หุ้นกู้ไม่มีการจัดเรทติ้ง
สถานการณ์นี้จะต้องติดตามดูว่า โนเบิลฯจะระดมเงินได้เท่าไร และยังมีบริษัทอสังหาริมทรัพย์อีกหลายแห่งเสนอขายหุ้นกู้ตามมาติดๆ งานนี้จะสำเร็จได้ นอกจากจะต้องมีการวางหลักประกัน เพื่อสร้างความมั่นใจแล้ว เจ้าของบริษัทจะต้องออกแรงมากเป็นพิเศษ!!!