BJCHI ลุ้นโปรเจกต์ใหญ่-แบ็กล็อกกว่า 3 พันลบ.หนุนปี 63 โต

HoonSmart.com>> บีเจซี เฮฟวี่ฯ ประเมินปี 63 เติบโตต่อเนื่องจากปีก่อน ตุนงานในมือกว่า 3,000 ล้านบาท รอลุ้นประมูลงานใหม่ 1.75 หมื่นล้านบาท มั่นใจโอกาสชนะประมูล บอร์ดใจป้ำทุ่ม 208 ล้านบาท จ่ายปันผลงวดปี 62 อัตรา 0.13 บาทต่อหุ้น

นายหยัง เจิน ลี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บีเจซี เฮฟวี่ อินดัสทรี (BJCHI) เปิดเผยว่า แนวโน้มธุรกิจในปี 2563 คาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯ มีมูลค่างานในมือที่ตุนไว้แล้วกว่า 3,000 ล้านบาท และยังมีงานที่ยื่นประมูลไปแล้ว มูลค่ารวมกันกว่า 17,500 ล้านบาท ซึ่งบริษัทฯ มองว่า ในปีนี้มีโอกาสอย่างมากที่จะได้รับงานเพิ่มเติมอีกในอนาคตอันใกล้นี้

ขณะที่ความสามารถในการทำกำไรขั้นต้นปีนี้คาดว่าน่าจะอยู่ที่ 15-20% และหากบริษัทชนะการประมูลงานโครงการขนาดใหญ่ในอุตสาหกรรมเหมืองแร่ น้ำมันและปิโตรเคมี ซึ่งคาดว่าจะรับทราบผลประมูลเร็วๆ นี้ จะช่วยสนับสนุนการเติบโตของบริษัทฯ ในปีนี้ได้เป็นอย่างดี

ด้านที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติให้จ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นประจำงวดปี 2562 อัตราหุ้นละ 0.13 บาทต่อหุ้น รวมเป็นเงินจำนวนไม่เกิน 208 ล้านบาท ซึ่งการจ่ายเงินปันผลดังกล่าวเป็นการจ่ายเงินปันผลจากกำไรสะสมในส่วนของกำไรจากกิจการที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ทั้งนี้ เงินปันผลจะได้รับยกเว้นไม่ต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย โดยบริษัทฯจะกำหนดให้วันที่ 18 มี.ค.2563 เป็นวันให้สิทธิผู้ถือหุ้น (Record Date)ในการได้รับเงินปันผล ซึ่งบริษัทจะดำเนินการภายหลังจากที่ได้รับอนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2563 ในวันที่ 24 เม.ย.2563

สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานปี 2562 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 47.2 ล้านบาท จากงวดเดียวกันปีก่อนที่มีผลขาดทุน 231.2 ล้านบาท ขณะที่มีรายได้รวมเท่ากับ 2,073.2 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวมอยู่ที่ 943.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 120% ปัจจัยที่ทำให้มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น เนื่องจากได้รับปัจจัยหนุน จากอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ก๊าซ และเหมืองแร่ที่ฟื้นตัว ทั้งในและต่างประเทศ ส่งผลให้มีงานใหม่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยได้ทยอยรับรู้รายได้จากโครงการ UPGN โครงการ Santos โครงการ Linde อย่างต่อเนื่อง ขณะที่โครงการขนาดใหญ่อย่าง Crisp บริษัทจะเริ่มรู้รายได้อย่างมีนัยสำคัญในปีนี้

“ภาพรวมผลประกอบการปี 2562 มีทิศทางที่ดีขึ้นชัดเจน โดยมีกำไรสุทธิ 47.2 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีผลขาดทุน เนื่องจากอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ก๊าซ และเหมืองแร่ที่ฟื้นตัว ทั้งในและต่างประเทศ ส่งผลให้มีงานใหม่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยได้ทยอยรับรู้รายได้จากโครงการ UPGN โครงการ Santos โครงการ Linde อย่างต่อเนื่อง ขณะที่โครงการขนาดใหญ่อย่าง Crisp บริษัทจะเริ่มรู้รายได้อย่างมีนัยสำคัญตั้งแต่ไตรมาสที่ 1/2563 เป็นต้นไป “นายหยัง กล่าว