บลจ.ทิสโก้ออก “ทริกเกอร์หุ้นไทย” มั่นใจ SET ฟื้น สิ้นปีนี้ทะลุ 1,600 จุด

HoonSmart.com>> “บลจ.ทิสโก้” จับจังหวะหุ้นไทยร่วงแรง ออกกองทุนทิสโก้ ไทย อิควิตี้ ทริกเกอร์ 5M#12 (TEQT5M12) เปิดขาย 4-9 ต.ค.นี้ มั่นใจดัชนีหุ้นฟื้นรับไฮซีซันท่องเที่ยว รัฐบาลอัดฉีดเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ ประเทศคู่ค้าส่งสัญญาณฟื้นตัว หนุนดัชนีสิ้นปี 66 ทะลุ 1,600 จุด ชี้มีหุ้นดีพื้นฐานแกร่งหลายกลุ่ม ราคาถูกจนน่าซื้อ  ด้านตลาดวันที่ 4  ต.ค. ดัชนีลงลึกสุด -17.31 จุดบริเวณ 1,429.99 จุด ก่อนเด้งขึ้นปิดบวก 3 จุด เงินบาทชะลอการอ่อนค่าปิดที่ 37.04 บาท/ดอลลาร์ 

นายสาห์รัช ชัฏสุวรรณ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทิสโก้ เปิดเผยว่า ในเดือนก.ย.ที่ผ่านมาดัชนีหุ้นไทย (SET Index) ปรับลงมากถึง 6.7% สาเหตุหลักมาจากปัจจัยทั้งภายในและภายนอกประเทศ เช่น อัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ที่ปรับขึ้นแรง (บอนด์ยีลด์) ความกังวลเรื่องเสถียรภาพทางการคลังของภาครัฐฯ ทำให้ราคาหุ้นที่ปัจจัยพื้นฐานแกร่งหลายกลุ่มปรับลงมาเร็วตามภาวะตลาด จึงคาดว่าหลังจากนี้จะมีแรงซื้อหุ้นบางกลุ่มกลับเข้ามา เพราะในระยะสั้นถึงระยะกลางตลาดหุ้นไทยจะได้รับประโยชน์จากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวรับช่วงไฮซีซันด้านการท่องเที่ยว การส่งออกที่ฟื้นตัวตามเศรษฐกิจประเทศคู่ค้า และรัฐบาลใหม่เดินหน้านโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งคาดว่าจะหนุนให้ดัชนีหุ้นไทยสิ้นปี 2566 ปรับเพิ่มขึ้นเกิน 1,600 จุด

จากปัจจัยบวกข้างต้น บลจ.ทิสโก้มองว่าในช่วงนี้จึงเป็นจังหวะการลงทุนที่ดี จึงจับจังหวะเสนอขายกองทุนทริกเกอร์หุ้นไทย ด้วยการเปิดเสนอขาย กองทุนเปิด ทิสโก้ ไทย อิควิตี้ ทริกเกอร์ 5M#12 (TEQT5M12) ความเสี่ยงระดับ 6 (ความเสี่ยงสูง) ตั้งเป้าหมายเลิกโครงการเมื่อหน่วยลงทุนมีมูลค่ามากกว่าหรือเท่ากับ 10.50 บาท/หน่วยภายในระยะเวลา 5 เดือน เปิดเสนอขายครั้งแรกตั้งแต่วันที่ 4 – 9 ต.ค.2566 มูลค่าจองซื้อขั้นต่ำ 1,000 บาท

“บลจ.ทิสโก้มั่นใจว่าจะสามารถบริหารกองทุน TEQT5M12 ให้ถึงเป้าหมายในกำหนดได้ เพราะประเทศคู่ค้ารายใหญ่อย่างสหรัฐฯ เริ่มส่งสัญญาณต้องการนำเข้าสินค้าเพิ่มจากการเพิ่มสินค้าเข้าสต็อกของธุรกิจค้าปลีก ขณะที่อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ของเกาหลีใต้ฟื้นตัวจะสะท้อนการฟื้นตัวของภาคการส่งออกระหว่างเอเชียและคู่ค้า ด้านการท่องเที่ยวไทยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คาดว่าปี 2567 นักท่องเที่ยวจะเพิ่มขึ้นเป็น 35 ล้านคนจากปี 2566 ที่อยู่ในระดับ 29 ล้านคน ผลจากเศรษฐกิจจีนที่เริ่มฟื้นตัวหลังรัฐบาลออกนโยบายการตุ้นเศรษฐกิจ ประกอบกับรัฐบาลไทยได้ออกนโยบายไม่เก็บค่าวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะจากประเทศจีน จะช่วยกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวจีนมาไทยมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อกลุ่มท่องเที่ยว ค้าปลีก และกลุ่มโรงพยาบาล ในขณะเดียวกันการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย ก็ทำให้กลุ่มธนาคารพาณิชย์มีความน่าสนใจด้วยเช่นกัน” นายสาห์รัช กล่าว

ผู้ลงทุนไม่สามารถขายคืนหน่วยลงทุนนี้ในช่วงระยะเวลา 5 เดือนได้ ดังนั้น หากมีปัจจัยลบที่ส่งผลกระทบต่อการลงทุนดังกล่าวผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก การกำหนดเป้าหมาย 10.50 บาทต่อหน่วย ไม่ใช่การรับประกันผลตอบแทนจากการลงทุน หากหน่วยลงทุนมีมูลค่าไม่เป็นไปตามเป้าหมายภายในระยะเวลาที่กำหนด ผู้ลงทุนสามารถซื้อ/ขาย/สับเปลี่ยนหน่วยลงทุนได้ทุกวันทำการ โดยเป้าหมายที่เป็นเหตุให้เลิกโครงการยังคงดำเนินอยู่ต่อไป ซึ่งเป้าหมายเลิกโครงการเป็นเป้าหมายก่อนหักค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง (ถ้ามี)

ตลาดหุ้นวันที่ 4 ต.ค.66  ช่วงเช้า ดัชนีดิ่งลงต่ำสุด 1,429.99 จุด ก่อนเด้งกลับแรงสูงสุด 1,454.80 จุด และปิดปิดที่ระดับ 1,451.25 จุด เพิ่มขึ้น 3.95 จุด หรือ +0.27% มูลค่าซื้อขาย 51,227.05 ล้านบาท

ด้านนักลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิ 34.15 ล้านบาท และบัญชีหลักทรัพย์ขายสุทธิ 917.67 บาท ด้านนักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิ 602.51 ล้านบาท และนักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 281.01 ล้านบาท

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล, CISA ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นวันนี้ผันผวน โดยในช่วงเช้าย่อตัวลงจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Bond yield) อยู่ในระดับสูง และเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่า รวมถึงเหตุการณ์ยิงที่ห้างดัง ทำให้กระทบกลุ่มท่องเที่ยว หลังจากนั้นเริ่มเห็นการฟื้นตัวหลังปรับตัวลงไปมาก ทำให้ตลาดเริ่มยืนได้แรงเก็งกำไรก็เข้ามา อีกทั้งเงินบาทเริ่มชะลอการอ่อนค่า ทำให้มีความคาดหวังจะแข็งค่าขึ้น

ทั้งนี้ ตลาดยังดูแข็งกว่าตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่วันนี้ส่วนใหญ่เคลื่อนไหวในแดนลบ และตลาดในยุโรปเทรดบ่ายนี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนยบวก-ลบเล็กน้อย ในช่วงรอติดตามตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐที่จะออกมาในวันที่ 6 ต.ค.นี้ ส่วนในประเทศรอติดตามเงินเฟ้อในวันพรุ่งนี้ (5 ต.ค.)

แนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ (5 ต.ค.) ให้น้ำหนักทางรีบาวด์หลังเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวเกิดขึ้น โดยมีแนวรับ 1,440-1,450 จุด แนวต้าน 1,460-1,470 จุด

ด้านเงินบาทชะลอการอ่อนตัวลง ปิดที่ 37.04 บาท จากระหว่างวันผันผวนขึ้นลง 37.04-37.24 บาท/ดอลลาร์