Hoonsmart.com >> MCA โรดโชว์นักลงทุน ตอกย้ำผู้นำธุรกิจวางแผนกลยุทธ์การตลาด ครบวงจร เตรียมเข้าตลาดหุ้นภายใน Q3/2566 นี้ “ภักดี เหล่างาม” ซีอีโอ ชูจุดแข็งเหนือคู่แข่ง ขณะที่ “เอกจักร บัวหภักดี ” ที่ปรึกษาการเงิน มอง หุ้นเทิร์นอะราวน์ ผ่านจุดต่ำสุดช่วงโควิดไปแล้ว โบรกเกอร์ ให้ราคาเหมาะสม 4.50 – 5.10 บาท
วันนี้ บริษัท มาร์เก็ต คอนเน็กชั่นส์ เอเชีย (MCA) นำเสนอข้อมูลบริษัท ต่อนักลงทุนทั่วไป (โรดโชว์) ก่อนเสนอขายหุ้นต่อนักลงทุนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 60 ล้านหุ้น ภายในไตรมาส 4/2566 เข้าซื้อขายในหมวดบริการ
นายภักดี เหล่างาม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มาร์เก็ต คอนเน็กชั่นส์ เอเชีย (MCA) เปิดเผยว่า สำนักงานก.ล.ต. นับ 1 แบบไฟลิ่งแล้ว และเตรียมเสนอขายหุ้นต่อนักลงทุนทั่วไปครั้งแรก (IPO) ภายในไตรมาส 4/2566 นี้ โดยบริษัท ฯ มีจุดแข็ง การเป็นผู้นำวางแผนกลยุทธ์ทางการตลาด และจัดกิจกรรมส่งเสริมทางการตลาดครบวงจร ที่ลูกค้าสามารถประเมิน-วัดผลความพึงพอใจได้ , นำเทคโนโลยีและนวัตกรรม บริหารจัดการพนักงานประจำ และ คอนแทรก กว่า 1,500 คนทั่วประเทศ
สำหรับ MCA ประกอบธุรกิจ 4 ประเภท ได้แก่
1. บริการจัดกิจกรรมทางการตลาดและดิจิทัล (Marketing activities and Digital) 2. บริการบรรจุและจัดส่งสินค้า (Packing and Logistic) 3. บริการพนักงานแนะนำสินค้า (Product Consultant) และ 4. บริการจัดเรียงสินค้า (Merchandiser) ธุรกิจการเป็นผู้จัดจำหน่ายสินค้า (Distributor)
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวเพิ่มเติมว่า โครงการต่อเนื่องในอนาคต การเป็นผู้จัดจำหน่ายสินค้า (Distributor) นั้น บริษัทฯ เล็งเห็นโอกาส เนื่องจากปัจจุบันมีผู้ประกอบการในธุรกิจจำนวนน้อยราย ซึ่งบริษัท ฯ จะทำหน้าที่เป็นสื่อกลางระหว่างเจ้าของสินค้าและผู้อุปโภคบริโภค โดยเข้าไปมีส่วนร่วมกับเจ้าของสินค้า วางกลยุทธ์ทางการตลาดตั้งแต่ต้นน้ำ (Product Introduction) จนถึงการที่สินค้าได้ไปอยู่ในมือผู้บริโภค (Off Take)
ไตรมาส 3/66 บริษัท ฯ ได้ลูกค้ากลุ่มธุรกิจของใช้ส่วนตัวและเวชภัณฑ์ ให้ทำ Distributor รูปแบบ Principal ในโครงการนำร่อง (Pilot Project) จำนวน 1 โครงการ สำหรับสินค้า 7 แบรนด์ โดยมีขอบเขตรับผิดชอบจัดจำหน่ายผ่านร้านค้าประเภทร้านค้าปลีกแบบดั้งเดิม (Traditional Trade) 13 จังหวัด ที่กระจายอยู่ทั่วประเทศไทย เชื่อว่าโครงการนำร่องดังกล่าว ช่วยผลักดันธุรกิจ Distributor เพิ่มขึ้นในอนาคต และพร้อมขยายขอบเขตให้บริการไปยัง ร้านค้าปลีกแบบสมัยใหม่ (Modern Trade) และร้านสะดวกซื้อ (Convenience Store)
” หัวใจหลักสำคัญในการดำเนินธุรกิจของ MCA คือ“ความเชื่อใจ วัดผลได้ อย่างมืออาชีพ” วิสัยทัศน์ของบริษัทฯ มุ่งมั่นเป็นผู้นำและผู้เชี่ยวชาญ ธุรกิจบริการกิจกรรมทางการตลาดและการสร้างสรรค์ครบวงจร โดยใช้นวัตกรรมดิจิทัลเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน สู่ผลสำเร็จและการเติบโตอย่างยั่งยืน สร้างผลตอบแทนสูงสุดแก่ลูกค้าและผู้ถือหุ้นในอนาคต”
วัตถุประสงค์ระดมทุนครั้งนี้ เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ และขยายสู่ธุรกิจผู้จัดจำหน่ายสินค้า (Distributor) และรองรับการลงทุนในสินทรัพย์ รวมทั้งชำระคืนเงินกู้จากสถาบันการเงิน
นายเอกจักร บัวหภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แคปปิตอล วัน พาร์ทเนอร์ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า หุ้น MCA เป็นหุ้นเทิร์นอะราวด์ มีจุดเด่น หลังโควิด กิจกรรมทางการตลาด เติบโตต่อเนื่อง , รายได้ เติบโตจากงานบริการจัดเรียงสินค้า -กิจกรรมส่งเสริมการตลาด , อัตรากำไรขั้นต้นเติบโต , เชี่ยวชาญ-มีประสบการณ์มากกว่า 20 ปี
” MCA ถือเป็นผู้นำธุรกิจด้านแผนกลยุทธ์ทางการตลาด และการจัดกิจกรรมส่งเสริมทางการตลาดที่ครบวงจร รายแรกในตลาดหลักทรัพย์ฯ คาดว่าหุ้นเข้าซื้อขายภายในไตรมาส 4/2566 นี้”
ด้านผลดำเนินงาน 6 เดือนแรก /2566 มีรายได้จากการบริการรวม 210.29 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.91 ล้านบาท หรือ 16.72% (YoY) จากการเติบโตของทั้ง 4 กลุ่มบริการ และกำไรสุทธิ 12.26 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 69.57% (YoY) เป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการบริการจัดกิจกรรมทางการตลาดและดิจิทัล จากการจัดกิจกรรมทางการตลาดช่วงเทศกาลสำคัญช่วงต้นปีซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ขณะที่ปี 2562-2565 มีรายได้จากการบริการรวม 331.67 ล้านบาท 235.62 ล้านบาท 224.07 ล้านบาท 372.65 ล้านบาท ตามลำดับ
จากการรายงานบทวิเคราะห์ของบริษัทหลักทรัพย์ 5 แห่ง ประเมินกรอบเป้าหมายราคาเหมาะสมของหุ้น MCA ได้ที่ระดับ 4.50 – 5.10 บาท โดย บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) ให้ราคาเหมาะสมหุ้น MCA ที่ราคา 5.10 บาทต่อหุ้น
บล. โกลเบล็ก ให้ราคาเหมาะสม 5 บาทต่อหุ้น , บล.ฟินันเซีย ไซรัส 4.80 บาท , บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี 4.60 บาท และบล.บียอนด์ 4.50 บาท
คาดการณ์กำไรสุทธิปี 2023-2024 ที่ 31 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 87% (YoY) และปี 2024 อยู่ที่ 54 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 75%(YoY) และคาดว่า รายได้จากการให้บริการรวมในช่วงปี 2023-24 เพิ่มขึ้น 22.8% และ เพิ่มขึ้น 23.3% ตามลำดับ เป็นผลมาจากรายได้จากทุกธุรกิจฟื้นตัว ที่สำคัญการขยายงานในธรุกิจบริการใหม่ ได้แก่ 1) รายได้จากกลุ่มการบริการจัดเรียงสินค้า (Merchandiser) เติบโตขึ้นมากที่สุด และเป็นหนึ่งในสัดส่วนรายได้หลักของบริษัท และ 2) ตั้งแต่ ไตรมาส 3/2023 บริษัทฯได้มีเริ่มดำเนินการโครงการนำร่อง (Pilot Project) สำหรับธุรกิจผู้จัดจำหน่าย สินค้า (Distributor) จำนวน 1 โครงการแล้ว โดยบริษัทฯ จะมีรายได้ที่เกิดขึ้นตามที่ยอดขายสินค้าตามช่องทางต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในเวลา ดังนั้นส่วนเงินลงทุนในธุรกิจใหม่นี้จะมาจากเงินที่ได้จากการระดมทุนในตลาดหุ้นครั้งนี้