JMART ลบ 1% หวั่นผลกระทบขาดทุนจากบริษัทในเครือ

HoonSmart.com>>หุ้น JMART ลบ 1.49% หวั่นผลขาดทุนหนักจากบริษัทในเครือบางแห่ง กระทบการเติบโตของบริษัทในกลุ่มต้องสะดุด  ปรับลดประมาณการกำไรปี 66-67 พร้อมปรับลดราคาเป้าหมายลงเหลือ 22 บาท จากเดิม 34 บาท

เมื่อเวลา 10.35 น.หุ้น JMART ลบ 1.49% มาที่ 19.80 บาท ลดลง 0.30 บาท มูลค่าซื้อขาย 84.65 ล้านบาท   และปิดที่ระดับ 19.90 บาท ลดลง 0.20 บาทหรือ -1.00% มูลค่าการซื้อขายรวม 257 ล้านบาท

บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ปรับลดคำแนะนำหุ้น บริษัท เจมาร์ท กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (JMART) เป็น”ถือ” หลังปรับกําไรปี 2566-2567 ลง 42%, 20% และปรับลดราคาเป้าหมายปี 2566 เหลือ 22 บาท(จากเดิม 34 บาท) คิดว่าโมเดลการผนึกพันธมิตรเพื่อสร้างการเติบโตแบบก้าวกระโดด ผ่านการซื้อหุ้นบางส่วนในบริษัทเป้าหมายหลาย ๆ แห่งที่จดทะเบียนใน SET กําลังส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของบริษัท เพราะภาวะตลาดทุนที่เป็นลบ และผลขาดทุนอย่างหนักของบริษัทในเครือบางแห่งได้ส่งผลต่อการเติบโตของบริษัทในกลุ่มต้องสะดุด คาดว่าอาจต้องใช้เวลานานในการแก้ไข

ดังนั้นจึงปรับลดสมมติฐานสําคัญในปี 2566-2567  เช่น ปรับลดส่วนแบ่งกําไรเป็นขาดทุน 142 ล้านบาทในปี 2566 และเป็นกําไร 405 ล้านบาทในปี 2567 (จากเดิมประมาณเดิมที่กําไร 624 ล้านบาท, 740 ล้านบาท ตามลําดับ) เพื่อสะท้อนผลขาดทุนจาก SINGER อีกทั้งได้ปรับลดกําไรจาก J-Mobile ลงเหลือ 220 ล้านบาท, 253 ล้านบาท(จาก 400 ล้านบาท, 450 ล้านบาท และคาดว่าจะมีผลขาดทุน MTM 370 ล้านบาทในปีนี้ จะมีกําไร 200 ล้านบาทในปีหน้า รวมถึงใส่ส่วนแบ่งกําไรจาก BNN ที่ 218 ล้านบาท, 253 ล้านบาท(จากเดิมที่ไม่ได้ใส่ไว้)

ผลขาดทุน MTM จากการลงทุนจะยังคงฉุดผลการดําเนินงานในไตรมาส 2/2566 หลังจากที่บริษัทประกาศผลขาดทุนสุทธิ 294 ล้าบนาทในไตรมาส 1 จึงยังไม่เห็นสัญญาณการฟื้นตัวผลประกอบการของ JMARTได้มากนัก ภายใต้ผลขาดทุนในไตรมาส 1 จากส่วนแบ่งผลขาดทุนสุทธิจาก SINGER 218 ล้านบาท และผลจากทุนการบันทึกตามราคาตลาด (MTM)จากการลงทุนใน BRR และ SGC รวมกันประมาณ 440 ล้านบาท ทั้งนี้เนื่องจากราคาหุ้น SGC ยังตกหนักต่อเนื่อง QTD ส่วนราคาหุ้น BRR ทรงตัว จึงคาดว่า JMART จะต้องบันทึกผลขาดทุน MTM จากการลงทุนอีก 120-130 ล้านบาทในไตรมาส 2  จาก SGC

กําไรจากธุรกิจหลักของ JMART ส่วนใหญ่ยังคงมาจาก JMT (ถือหุ้น 53.5%) ซึ่งเมื่ออิงประมาณเติบโตกําไร JMT ในปี 2566-2567 ที่ +28%, +25% คาดว่า JMT จะส่งผลกําไรสุทธิมาที่ JMART ประมาณ 1.2 พันลบ., 1.5 พันลบ. ตามลําดับ ซึ่งจะช่วยชดเชยผลขาดทุน MTM ได้ ในขณะเดียวกัน มองว่าโมเมนตัมการเติบโตของกําไร J-Mobile จะชะลอตัวลงหลังจากที่ไม่สามารถเพิ่มรายได้จากการขายผ่านช่องทางของ SINGER ได้ คาดว่ากําไรของ J-Mobile (ถือหุ้น 95%) จะลดลงอย่างมีนัยสําคัญเหลือ 220 ล้านบาท, 253 ล้านบาทในปี 66-67 (จาก 360 ล้านบาทในปี 2565)

อย่างไรก็ตาม คาดว่าส่วนแบ่งกําไรจาก BNN Restaurant (สุกี้ตี๋น้อย) จะเพิ่มขึ้นเป็น 218 ล้านบาท, 253 ล้านบาทในปี 2566-2567 (จาก 19 ล้านบาทในปี 2565)ทั้งนี้ JMART ได้เข้าไปซื้อ BNN ในปลายปี 2565 และเริ่มบันทึกส่วนแบ่งกําไรในไตรมาส 4/2565