หุ้นแม่-ลูก STARK หนีตายหลังปลด SP หวั่นผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้

HoonSmart.com>>หุ้น STARK และ STARK-W1 ราคาร่วงแรงหลังเปิดซื้อขายวันแรก รับผลลบจากผู้ถือหุ้นกู้มีมติให้”สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น”(STARK) ผิดนัดหุ้นกู้+ดอกเบี้ย 2 รุ่น   มูลค่า 2,241 ล้านบาท  หวั่นลุกลามทั้งหมด 5 รุ่น  มูลค่ารวม 9,198 ล้านบาท ตลาดหลักทรัพย์เตือนนักลงทุนให้ระมัดระวังการลงทุน 

เมื่อเวลา 9.57 น. วันที่ 1 มิ.ย.2566 หุ้น STARK และ STARK-W1 ราคาร่วงแรงหลังตลาดปลดเครื่องหมาย SP ชั่วคราว โดยหุ้น STARK เปิดที่ 0.25 บาท ก่อนเคลื่อนไหวที่ 0.29 บาท ลดลง 2.09 บาทหรือ  87.82%   มูลค่าซื้อขาย 164.54 ล้านบาท ส่วน STARK-W1 ร่วง 93.75% มาที่ 0.01 บาท ลดลง 0.15 บาท มูลค่าซื้อขาย 2.54 ล้านบาท

บล.ดาโอ (ประเทซไทย) ระบุ บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น (STARK) เจ้าหนี้มีมติให้ STARK ไถ่ถอนหุ้นกู้+ดอกเบี้ย ของห้นกู้ทั้งสองตัว ซึ่งเป็นตัวที่ครบกำหนดใกล้สุด เพราะผิดเงื่อนไข (ไม่ยื่น 56-1 ตามกำหนด) มองว่าข่าวนี้จะมีผลลบต่อราคาหุ้น STARK ที่จะเข้าซื้อขายในวันนี้

ด้าน STARK แจ้งตลาดหลักทรัพย์กี่ยวกับผลการประชุมผู้ถือหุ้นกู้ในวันที่ 31 พ.ค. 2566 โดยที่ประชุมผู้ถือหุ้นกู้หมายเลข STARK239A และ STARK249A เงินต้นค้างชำระรวม 2,241 ล้านบาท มีมติไม่ยกเว้นเหตุผิดนัดและใช้สิทธิเรียกให้ชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยภายใต้หุ้นกู้โดยพลัน และก่อให้เกิดเหตุผิดนัดไขว้ (cross default) ภายใต้สัญญาทางการเงินอื่น ๆ

ตลาดหลักทรัพย์ฯขอให้ผู้ลงทุนติดตามและศึกษาข้อมูลดังกล่าวเพื่อเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาตัดสินใจลงทุนและขอให้ใช้ความระมัดระวังในการซื้อขายหลักทรัพย์  STARK

บล.กสิกรไทย รายงานว่า วันที่ 31 พ.ค. 2566 STARK ได้จัดประชุมผู้ถือหุ้นกู้ จำนวน 5 รุ่น เนื่องจากการทำผิดเกณฑ์ทางการ ในการไม่ส่งงบการเงินประจำปี 2565 ถือว่าเป็นการผิดนัดชำระหนี้ทางเทคนิค (Technical default) โดยบริษัทขอให้พิจารณายกเว้นเหตุผิดนัด แต่ปรากฎว่า ผู้ถือหุ้นกู้ STARK239A และ STARK249A มีมติให้หนี้หุ้นกู้ถึงกำหนดชำระโดยพลัน ส่วน STARK242A, STARK245A, และ STARK255A มีมติยกเว้นเหตุผิดนัด

เนื่องจากหนี้หุ้นกู้ที่เกิด Technical default มีสัดส่วนเกินกว่า 3% ของส่วนของผู้ถือหุ้นจากงบ ทำให้มีโอกาสที่จะเกิด Cross Default ไปยังหุ้นกู้รุ่นอื่นๆ ด้วย

ทั้งนี้ STARK จะมีเวลา 30 วันในการชำระหนี้ ถ้าไม่จ่ายเงินคืนภายในที่กำหนด ผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้จะใช้สิทธิในการเรียกเงินต้นคืน ทั้งนี้การฟ้องร้องอาจจะเป็นเรื่องของอนาคต ขึ้นอยู่กับการเจรจา นอกจากนี้หากจะยื่นเงื่อนไข ต้องรวมเสียงให้ได้ 25% แล้วแจ้งต่อผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ให้จัดประชุมพิจารณาเงื่อนไขการชำระ

สำหรับหุ้นกู้จำนวน 5 รุ่น มีมูลค่ารวม 9,198 ล้านบาท โดยมีผู้ถือหุ้นกู้จำนวน 4,500 ราย

ส่วนการเปิดซื้อขายหุ้น STARK เป็นการชั่วคราว ระหว่างวันที่ 1-30 มิ.ย.2566 นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะมีการแห่ขายหุ้นออกมามากในวันแรก ซึ่งราคาสามารถขึ้นสูงสุด(ซิลลิ่ง)-ลงต่ำสุดหรือฟลอร์ได้ 100% จากราคาปิดครั้งล่าสุดที่ 2.38 บาท ส่วน STARK-W1 ปิดที่ 0.16 บาท ทั้งนี้ราคาฟลอร์คือ ศูนย์บาท

ปัจจุบันนักลงทุนได้คีย์คำสั่งขายล่วงหน้าเข้าไปในระบบตลาดหลักทรัพย์แล้ว เพื่อเข้าคิวในการขายในลำดับต้นๆ  การตัดสินใจขายหุ้นออกไปก่อน  เนื่องจากนักลงทุนได้รับข้อมูลไม่ครบถ้วน โดยเฉพาะเรื่องผลการดำเนินงานปี 2565 ซึ่งบริษัทคาดว่าจะจัดส่งงบการเงินฉบับตรวจสอบพิเศษให้กับตลาดหลักทรัพย์ได้ภายในวันที่ 16 มิ.ย. 2566 คาดว่าจะประสบปัญหาขาดทุน พลิกจากงวด 9 เดือนแรกที่แจ้งตลาดหลักทรัพย์ว่ามีกำไรสุทธิ2,216.47 ล้านบาท ปี 2564 กำไรสุทธิ 2,783.11 ล้านบาท และ 1,608.66 ล้านบาทในปี 2563

ฐานะการเงินและผลการดำเนินงานของ STARK พลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ โดยคาดการณ์ไม่ถึง ส่งผลกระทบต่อนักลงทุนทุกราย โดยเฉพาะนักลงทุนสถาบัน 12 รายที่เข้าไปซื้อหุ้นเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจง(พีพี) รวม 1,500 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 3.72 บาท มูลค่าทั้งสิ้น 5,580 ล้านบาท (ไม่หักค่าใช้จ่าย) แม้ว่านักลงทุนสถาบันบางรายได้ตัดสินใจขายทิ้ง ยอมขาดทุน ตั้งแต่บริษัทล้มดีลซื้อกิจการแล้วก็ตาม