ดาวโจนส์ปิดลบ 50 จุด วิตกขยายเพดานหนี้ไม่ผ่านสภา

HoonSmart.com>> ดัชนีดาวโจนส์ปิดลบ 50 จุด จากกลับมาเปิดซื้อขายหลังปิดทำการในวันจันทร์ นักลงทุนวิตกร่างกฎหมายการขยายเพดานหนี้ไม่ผ่านความเห็นชอบของสภาคองเกรส ดัชนี S&P500 ปิดบวกเล็กน้อย Nasdaq ปรับตัวเพิ่มขึ้น แรงหนุนหุ้น Nvidia พุ่ง 2% บอนด์ยีลด์อายุ 10 ปีอ่อนตัวลงแตะ 3.68% นักลงทุนประเมินผลกระทบจากเพดานหนี้ ราคาน้ำมันดิบ WTI ร่วง 3.21 ดอลลาร์ ลดลง -4.42% ฟาก “ตลาดหุ้นยุโรป” ปิดลบ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) ปิดวันที่ 30พฤษภาคม 2566 ที่ 33,042.78 จุด ลดลง 50.56 จุด หรือ 0.15% จากกลับมาเปิดซื้อขายหลังปิดทำการในวันจันทร์ นักลงทุนไม่แน่ใจว่าร่างกฎหมายการขยายเพดานหนี้จะผ่านความเห็นชอบของสภาคองเกรสหรือไม่

ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,205.52 จุด เพิ่มขึ้น 0.07 จุด, +0.0027%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,017.43 จุด เพิ่มขึ้น 41.74 จุด, +0.32%

ดัชนี Nasdaq ปรับตัวขึ้นจากการที่หุ้น Nvidia พุ่ง 2% และมีมูลค่าตลาดแตะ 1 ล้านล้านดอลลาร์ในการซื้อขายระหว่างวัน ก่อนที่ราคาหุ้นจะอ่อนตัวลง โดยปิดตลาดบวก 3% และมีมูลค่าตลาด 9.91 แสนล้านดอลลาร์

หุ้น AI อื่นปรับตัวขึ้นเช่นกัน โดยหุ้น Palantir Technologies Inc. บวกกว่า 9% หุ้นC3.ai Inc บวกกว่า 30%

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอ่อนตัวลงเพราะนักลงทุนประเมินผลกระทบจากเพดานหนี้ โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีลดลงมาที่ 3.68% อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 2 ปีลงมาที่ 4.45% และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 30 ปีลดลงมาที่ 3.89%

ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาประธานาธิบดีโจ ไบเดน และนายเควิน แมคคาร์ธี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐบรรลุข้อตกลงเบื้องต้นว่าจะขยายเพดานหนี้ไปจนถึงปี 2025

อย่างไรก็ตามนักลงทุนยังวิตกเนื่องจากยังมีอุปสรรคในสภา เพราะมีรายงานว่ามีเสียงคัดค้านจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรบางคนในพรรครีพับลิกันมากขึ้น นอกจากนี้ยังต้องผ่านด้านแรกจากการพิจารณาของคณะกรรมาธิการกฎระเบียบแห่งสภาที่ประชุมกันในช่วงบ่ายวันอังคารตามเวลาในสหรัฐก่อนนำเข้าสภาผู้แทนราษฎรเพื่อโหวตในวันพุธ จากนั้นส่งต่อไปยังวุฒิสภา

ฝ่ายบริหารเตือนสภาคองเกรสให้ความเห็นชอบการขยายเพดานหนี้ ก่อนวันที่ 5 มิถุนายน หรือ X date มิฉะนั้นสหรัฐจะผิดนัดชำระหนี้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์

คริส บาร์โต นักวิเคราะห์จาก Fort Pitt Capital กล่าวว่า ตลาดกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับเพดานหนี้ในช่วงท้ายการซื้อขาย อย่างไรตลาดรับรู้ไปบางส่วนเพราะคาดว่าในที่สุดก็จะผ่านไปได้

นักลงทุนยังจับตาการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจในสัปดาห์นี้ ได้แก่การจ้างงานเดือนพฤษภาคม เพื่อหาสัญญานทิศทางนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ในการประชุมวันที่ 13-14 มิถุนายนนี้

ผลสำรวจนักวิเคราะห์ของบลูมเบิร์กคาดว่าจะลดลงมาที่ 180,000 ตำแหน่งจาก 253,000 ตำแหน่งในเดือนเมษายน ส่วนอัตราว่างงานจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยไปที่ 3.5%

FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 68.8% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมวันที่ 13-14 มิถุนายน

นายทอม บาร์กิน ประธานเฟดสาขาริชมอนด์กล่าวในงานของ National Association of Business Economics ในวันอังคารว่า ยังคงไม่ปรับคาดการณ์ดอกเบี้ย ซึ่งเขาเป็นหนึ่งในเจ้าหน้าที่เฟดที่คาดว่าดอกเบี้ยยังขึ้นได้อีก

ไบรอัน ไพร้ซ หัวหน้าฝ่ายบริหารการลงทุนจากCommonwealth Financial Network กล่าวว่า เฟดยังเป็นประเด็นหลักที่นักลงทุนยังจับตาว่าเฟดจะทำอะไรต่อไประหว่างขึ้นดอกเบี้ยอีก 1 หรือ 2 ครั้งกับการคงดอกเบี้ยและคอยดูว่าเงินเฟ้อในอีก 2 ข้างหน้าจะเป็นอย่างไร

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่รายงานเมื่อคืนนี้ ได้แก่ผลสำรวจความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเดือนพฤษภาคม ของ Conference Board ซึ่งลดลงมาที่ 102.3 จาก 103.7 ในเดือนเมษายน แต่สูงกว่า 99.0 ที่นักวิเคราะห์คาด     

เอสแอนด์พี คอร์โลจิก เคส ชิลเลอร์ รายงานผลสำรวจราคาบ้านเดือนมีนาคมเพิ่มขึ้น 0.7% เมื่อเทียบรายปี ส่วนเมื่อเทียบรายเดือนเพิ่มขึ้น 0.4%

ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ จากความไม่แน่นอนว่าสภาคองเกรสของสหรัฐจะเห็นชอบกับบรรลุข้อตกลงขยายเพดานหนี้ของสหรัฐเพื่อทำให้สหรัฐไม่ผิดนัดชำระหนี้หรือไม่

สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในพรรครีพับลิกันส่วนหนึ่งเปิดเผยว่าจะลงคะแนนคัดค้านร่างกฎหมายขยายเพดานหนี้ ซึ่งมองได้ว่าการผ่านความเห็นชอบของสภาคองเกรสยากขึ้น

นายเกดิมินาส ซิมกุส ประธานธนาคารกลางลิทัวเนียกล่าวว่า ธนาคารกลางยุโรป (ECB) อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมิถุนายนและและกรกฎาคม และระบุว่า การขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมิถุนายนจะไม่ใช่ครั้งสุดท้าย

ขณะเดียวกัน ECB เตือนว่า ธนาคารชั้นนำของยุโรปอาจได้รับผลกระทบ หากลูกค้าด้านการเงิน ทั้ง กองทุน บริษัทประกัน และสำนักหักบัญชีถอนเงินฝากหรือประสบปัญหาทางการเงิน

การปล่อยกู้ของธนาคารเดือนเมษายนในยูโรโซนชะลอตัวลงอีก บ่งชี้ว่าการปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งต่อไปต้องรอบคอบ เพราะเศรษฐกิจอ่อนแอ และต้นทุนการกู้ยืมที่เพิ่มขึ้นส่งผลกระทบต่อความต้องการเงินกู้

ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 456.63 จุด ลดลง 4.24 จุด, -0.92%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,522.07 จุด ลดลง 105.13 จุด, -1.38%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,209.75 จุด ลดลง 94.06 จุด, -1.29%,
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,908.91 จุด ลดลง 43.82 จุด, -0.27%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนกรกฎาคมลดลง 3.21 ดอลลาร์ หรือ 4.42% ปิดที่ 69.46 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนกรกฎาคมลดลง 3.41 ดอลลาร์ หรือ 4.43% ปิดที่ 73.54 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล