VGI ขาดทุนเหลือ 65 ล้าน สื่อนอกบ้านฟื้น ตั้งเป้าปี 66/67 รายได้โต 20-30%

HoonSmart.com>> “วีจีไอ” (VGI) เปิดงบปี 65/66 รายได้ 4,889 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.6% รับสื่อโฆษณานอกบ้านฟื้นตัว ธุรกิจด้านดิจิทัลเติบโตแข็งแกร่ง รับรู้ผลขาดทุนเงินลงทุนกิจการร่วมค้าและบริษัทร่วม 438 ล้านบาท เหตุธุรกิจโลจิสติกส์ผลงานชะลอตัว ขาดทุนสุทธิงบปีเหลือ 65 ล้านบาท ขาดทุนลดลง 46% จากงวดปีก่อน แจกปันผลระหว่างกาลอีก 0.04 บาท พร้อมตั้งเป้ารายได้ปี 66/67 รายได้ 6,000–6,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20–30% กำไรสุทธิโตมากกว่า 10%

บริษัท วีจีไอ (VGI) เปิดเผยผลการดำเนินงานประจำปี 2565/2566 สิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค.2566 ขาดทุนสุทธิลดเหลือ 64.88 บาท ขาดทุนต่อหุ้น 0.006 บาท ลดลง 46% จากงวดเดียวกันของปีก่อนขาดทุนสุทธิ 120.26 ล้านบาท ขาดทุนต่อหุ้น 0.014 บาท

นายเนลสัน เหลียง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท วีจีไอ (VGI) กล่าวว่า ภาพรวมธุรกิจปี 2565/66 บริษัทฯ ยังคงได้รับอานิสงค์จากการตอบรับที่ดีจากแบรนด์และนักการตลาดให้ความสนใจในแพ็คเกจสื่อโฆษณานอกบ้าน จึงส่งผลทำให้ธุรกิจสื่อโฆษณาทำรายได้ 1,938 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22.6% YoY ซึ่ง VGI ได้ส่งมอบแคมเปญโฆษณาที่มีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่องผ่านเครือข่ายสื่อที่มีความหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นสื่อโฆษณานอกบ้านแบบดิจิทัล (DOOH) สื่อโฆษณาขบวนรถไฟฟ้า อันเป็นสื่อที่ยังคงได้รับความสนใจจากแบรนด์ชั้นนำระดับโลก อาทิ Versace, Chanel และ Yves Saint Laurent เป็นต้น และยังได้มีการประกาศความร่วมมือกับพันธมิตรในกลุ่มธุรกิจบันเทิงมากมาย เพื่อพัฒนาคอนเทนต์และการสื่อสารร่วมกัน นอกจากนี้ VGI ยังได้ปล่อย Pilot Campaign Programmatic Digital OOH (“pDOOH”) บนเครือข่ายรถไฟฟ้าบีทีเอสเป็นครั้งแรก เพื่อสร้างโซลูชั่นให้ตอบโจทย์ความต้องการของแบรนด์และนักโฆษณาได้หลากหลายมากยิ่งขึ้น

ด้านธุรกิจบริการด้านดิจิทัล มีรายได้ 1,440 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30.9% YoY ส่วนใหญ่มาจากการเติบโตของรายได้ค่าคอมมิชชั่นจากธุรกิจประกันภัย และ lead generation ที่เพิ่มสูงขึ้น สอดคล้องกับการขยายตัวของธุรกิจ InsurTech และ FinTech นอกจากนี้กลุ่มแรบบิทยังรับรู้รายได้ที่เพิ่มขึ้นจากการขายบัตร ค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรม และรายได้จากการบริหารโครงการอีกด้วย ด้านธุรกิจการจัดจำหน่ายมีรายได้ 1,512 ล้านบาท ปัจจุบัน NINE ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ VGI ได้ทำการรีแบรนด์ใหม่เปลี่ยนชื่อเป็น “บริษัท ซุปเปอร์ เทอร์เทิล จำกัด (มหาชน) (“Super Turtle”) ดำเนินธุรกิจค้าปลีกและบริหารจัดการพื้นที่ให้เช่าเชิงพาณิชย์บนสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสจำนวน 31 สถานี ด้านบริษัท แฟนสลิ้งค์ คอมมูนิเคชั่น จำกัด บริหารจัดการแบรนด์ของตนเองทั้งหมด 2 แบรนด์ ประกอบด้วย PANDO และ WANAA ที่วางจำหน่ายแล้วทั้งช่องทางออฟไลน์และออนไลน์

“ทิศทางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจของไทยปี 2566 ถูกคาดการณ์ว่าจะฟื้นตัวขึ้นที่ 3.6% ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าที่เติบโต 2.6% จากแรงหนุนของการบริโภคของภาคเอกชน ความเชื่อมั่นของผู้บริโภค และภาคการท่องเที่ยว อย่างไรก็ตาม ผลการดำเนินงานของปี 2566/67 บริษัทฯ ได้ตั้งเป้ารายได้อยู่ที่ 6,000 – 6,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20 – 30% และกำไรสุทธิมากกว่า 10% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา” กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ กล่าว

นอกจากนี้ในปี 2565/66 ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติการจ่ายปันผลรวมในอัตราหุ้นละ 0.08 บาท ทั้งนี้บริษัทฯ ได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลอัตราหุ้นละ 0.04 บาท เรียบร้อยแล้ว เมื่อเดือนมีนาคมปี 2565 ขณะเดียวกันการจ่ายเงินปันผลงวดสุดท้ายของปีมีการอนุมัติจ่ายปันผลมูลค่า 0.04 บาทต่อหุ้น ซึ่งต้องได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นในวันที่ 18 กรกฎาคม 2566