HoonSmart.com>>”อดิศักดิ์ สุขุมวิทยา” แม่ทัพใหญ่กลุ่มเจมาร์ท นำทีมผู้บริหารเสนอแผนกู้วิกฤต ปลุกความเชื่อมั่นกลับคืนหลังขาดทุนยับเยิน นักวิเคราะห์ลับมีดจ่อหั่นเป้าหมายกำไร-ราคาเป้าหมาย ราคาร่วงระนาวทุบมาร์เก็ตแคปทรุดวันเดียวถึง 10,572 ล้านบาท หลังยอมรับกว่าจะพลิกมีกำไรต้องลุ้นไตรมาส 3 รอ SINGER-SGC สะส่างปัญหาให้เรียบร้อย ยัน JMART ไม่หยุดลงทุน แย้มเปิดตัว 2 ดีล ส่วน JMT เลื่อนแผนส่ง JAM เข้าตลาดหุ้น ด้านบล.เคจีไอคาด JMART ไตรมาส 2 ขาดทุนหุ้นที่ลงทุนต่อ บล.ดาโอกดมูลค่าหุ้น SINGER จาก 14 บาทเหลือแค่ 6 บาท ล่าสุดนิวโลว์ปิดที่ 10.90 บาท
นายอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท เจมาร์ท กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (JMART) ยอมรับว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 2 จะยังเจอแรงกดดันจากธุรกิจบริษัทซิงเกอร์ประเทศไทย (SINGER) และบริษัท เอสจี แคปปิตอล (SGC) ซึ่งได้รับผลกระทบจากทิศทางของ NPLs ที่อยู่ในระดับสูง แต่มีแนวโน้มลดลงหลังจากทั้งสองบริษัทปรับโครงสร้างการบริหารงานใหม่ และปรับแผนการทำธุรกิจในการที่ควบคุมคุณภาพลูกหนี้ และลดต้นทุนมากขึ้น คาดว่าจะเริ่มเห็นผลขาดทุนลดลง หรืออาจจะพลิกมีกำไรได้เล็กน้อย ซึ่งจะเร่งแก้ไขปัญหาต่างๆให้ได้ตามแผนที่วางไว้
“ในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมาเห็นปัญหาแล้ว มีการปรับเปลี่ยนองค์กร ซึ่งเหมือนกับฟุตบอลที่มีการเปลี่ยนโค้ชเข้ามาดูแล และลดค่าใช้จ่ายลง หากแก้ปัญหาของ SINGER และ SGC ได้ เชื่อว่าเป้าหมายที่ทำให้กลุ่มเจมาร์ท กลับมาเติบโตได้แข็งแกร่ง ผมมั่นใจ “นายอดิศักดิ์กล่าว
ทั้งนี้ในไตรมาสแรก JMART ขาดทุนสุทธิ 294.7 ล้านบาท หลังจากรับรู้ผลขาดทุน 218 ล้านบาท ตามสัดส่วนการถือหุ้น SINGER จำนวน 25.2% และผลขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงจากเงินลงทุนในตราสารทุนมูลค่า 352 ล้านบาท (หลังหักภาษี) และรายได้จากธุรกิจมือถือลดลง
สำหรับในธุรกิจอื่นทั้ง บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส (JMT) บริษัท เจเอเอส แอสเซ็ท (J) บริษัท พีอาร์ทีอาร์ กรุ๊ป (PRTR) ยังสามารถดำเนินธุกิจไปได้ดีอย่างต่อเนื่อง ยังคงเดินหน้าในการสร้างการเติบโต โดยเฉพาะธุรกิจสุกี้ตี๋น้อยที่ยังเห็นแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่อง สามารถทำกำไรในไตรมาส 1/66 ราว 209 ล้านบาท จาก 46 สาขา และจะขยายสาขาให้ครบ 60 สาขาภายในปีนี้ มีแผนที่จะยื่นไฟลิ่งปลายไตรมาสที่ 3 หรือต้นไตรมาสที่ 4 เพื่อเสนอขาย IPO และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯได้ประมาณไตรมาส 2 หรือไตรมาส 3/2567
ขณะเดียวกันบริษัท ยังคงมีการลงทุนใหม่อย่างต่อเนื่องเพื่อเติมเต็มให้กับ Ecosystem ซึ่งในช่วง 2-3 เดือนนี้ คาดว่าจะเห็นความชัดเจนอีกราว 2 ดีล ขนาดไม่ใหญ่มาก เป็นธุรกิจขนาด SME ที่เห็นถึงศักยภาพและนำมาต่อยอดโอกาสในการสร้างการเติบโตให้กับกลุ่ม JMART ได้
นาย สุทธิรักษ์ ตรัยชิรอาภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส (JMT) กล่าวว่า ในไตรมาสแรก บริษัทมีการซื้อหนี้มาบริหาร ส่วนใหญ่เป็นหนี้ที่ไม่มีหลักประกัน ซึ่งเป็นไปตามภาพรวมการบริหารหนี้ของสถาบันการเงิน และสร้างอัตราผลตอบแทนที่ดี ส่วนแผนการนำบริษัทบริหารสินทรัพย์เจ (JAM) เข้าตลาดหุ้นในปีนี้ คงเลื่อนออกไปก่อน เนื่องจากไม่มีความจำเป็นในการใช้เงินขยายธุรกิจ
นาย นราธิป วิรุฬห์ชาตะพันธ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย (SINGER) กล่าวว่าต้นเหตุที่ทำให้บริษัทประสบปัญหาขาดทุนมากถึง 843.37 ล้านบาทในไตรมาสแรกปีนี้ มาจาก 2 ปัจจัย คือ สินค้าที่ยึดคืนมา ส่วนใหย่เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้า ทำให้มีการปรับลดมูลค่าสินค้าลง และผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น ส่วนรายได้รวมลดลง 327 ล้านบาทหรือ 27% ส่วนใหญ่มาจากยอดขาย 695 ล้านบาทเหลือ 492 ล้านบาทหรือ 71% เพราะบริษัทย่อยมีการควบคุม NPLs แต่รายได้ดอกเบี้ยเติบโต 179 ล้านบาทหรือ 39%
สถานะการเงินของบริษัทยังแข็งแกร่ง มีเงินสดในมือ 3,932 ล้านบาท และปล่อยกู้ให้ SGC 1 หมื่นล้านบาท มีเงินลงทุนระยะสั้น 2,339 บาท โดยมีมีเงินสดเพียงพอในการชำระหุ้นกู้ กระแสเงินสดมาก เปิดกว้างในการซื้อกิจการ ปล่อยเงินกู้ช่วยเหลือ SGC% และปล่อยกู้ BRR 130 ล้านบาท
กรรมการผู้จัดการใหญ่ SINGER ประกาศแผน 4 R เป้าหมาย เพื่อกอบกู้วิกฤต คือ 1.ปรับองค์กรใหม่ เปลี่ยนผู้บริหารและลดขนาดขององค์กร และพิจารณาเลือดใหม่เข้ามา ทำเกือบเสร็จสมบูรณ์ เหลือปรับขนาดองค์กรให้แล้วเสร็จ ในไตรมาส 2
2. การตั้งสำรองกว่า 400 ล้านบาท มีการตั้งสำรองต่อในไตรมาส 2 และ 3 แต่ผลกระทบไม่มากเท่ากับในไตรมาสแรก ที่เริ่มลดสินค้าคงคลังในเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา จะพยายามเคลียร์สินค้าคงคลังครึ่งหนึ่งในไตรมาส 3
3.การลดต้นทุนลง 20% เช่น ค่าใช้จ่ายในการบริหาร ส่งเสริมการขาย
4. Restart เป็นนิวซิงเกอร์
“ขอยืนยันว่าบริษัทมีสถ